โลกคาดหวังวัคซีนจากไฟเซอร์ และแอสตราเซเนก้าสูง ขณะ”ทรัมป์”ประกาศฉีดให้คนอเมริกันก่อน

  • แต่อังกฤษฉวยโอกาสฉีดให้คนในประเทศไปเรียบร้อยแล้ว
  • สหรัฐอัดฉีดดงินอีกเกือบ 1 ล้านล้านเหรียญ
  • เยียวยาพิษภัยเศรษฐกิจจากไวรัสโควิด-19

.รัฐบาลญี่ปุ่นคาดรายได้ภาษีต่ำกว่าเป้า

    สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า GDP ไตรมาส 3 มีแนวโน้มจะต่ำกว่าประมาณ การเบื้องต้นกว่า 8 ล้านล้านเยน (77,000 ล้านเหรียญสหรัฐ) เนื่องจากรายได้บริษัทลดลงอย่างมากในระหว่างการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั้งนี้ รายได้จากภาษีในปีงบประมาณ 63 จะสิ้นสุดลงในเดือนมี.ค.64 มีแนวโน้มจะอยู่ที่ประมาณ 55 ล้านล้านเยน ซึ่งต่ำกว่าคาดไว้ที่ 63.51 ล้านล้านเยน และต่ำกว่า 58.44 ล้านล้านเยนในปีงบ 62 ด้วย

กรณีดังกล่าวจะทำให้รัฐบาลญี่ปุ่นมีรายได้จากภาษีลดลงเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน แม้เดิมคาดว่าจะมีรายได้สูงก็ตาม นอกจากนี้ รายได้จากภาษีที่ลดลงประมาณ 3 ล้านล้านเยนจากปีก่อน อาจเป็นการปรับลดรายปีที่มากที่สุดนับตั้งแต่ปีงบประมาณ 52 เมื่อครั้งที่รายได้จากภาษีร่วงลงหลังเกิดวิกฤติการเงินจากการล้มละลายของวาณิชธนกิจเลห์แมน บราเธอร์ส โฮลดิ้งส์ เมื่อปี 51

ทั้งนี้ รัฐบาลของนายโยชิฮิเดะ ซูงะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น จะทบทวนการประมาณรายได้จากภาษีเมื่อรวมงบประมาณเพิ่มเติมรอบที่ 3 สำหรับปีงบ 63 โดยคาดว่างบประมาณพิเศษดังกล่าว จะได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีในสัปดาห์หน้า ซึ่งจะเป็นเงินสนับสนุนแผนกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 73.6 ล้านล้านเยน

.ไทย – อินเดีย ถก JTC ครั้งแรกรอบ 17 ปี! 

ไทย – อินเดีย ฟื้นการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า (JTC) ครั้งแรกในรอบ 17 ปี แก้ไขปัญหาอุปสรรคทางการค้า พร้อมขอให้อินเดียพิจารณาเรื่องข้อจำกัดนำเข้าสินค้าไทยหลายรายการ และชวนจัดสัมมนาออนไลน์สร้างความเข้าใจระเบียบศุลกากรด้านกฎถิ่นกำเนิดสินค้าของอินเดีย เล็งร่วมมือขยายมูลค่าการค้าสินค้าและบริการเพิ่ม อาทิ สิ่งทอ เทคโนโลยีสารสนเทศ การศึกษา การดู แลสุขภาพ และท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น

ไทยยังได้เชิญชวนผู้ประกอบการอินเดียเข้าร่วมงานแสดงสินค้าที่จะจัดในอินเดีย ช่วงเดือน มิ.ย.- ส.ค. 64 อาทิ งาน Top Thai Brands ที่เมืองปูเน่ รัฐมหาราษฏระ ,เมืองไฮเดอราบัด รัฐเตลังกานา ,เมืองเจนไน รัฐทมิฬนาฑู และกรุงนิวเดลี ตลอดจนงานที่จัดในไทยผ่านระบบออนไลน์ และออฟไลน์อาทิ งาน Bang kok Gems and Jewelry ในเดือน ก.พ. 64 งาน THAIFEX-ANU GA ASIA ในเดือนมี.ค. 64 และงานMultimedia Online Virtual Exhibition(M.O.V.E)  เดือน พ.ค. 64  มีมูลค่า 12,147 ล้านเหรียญ ทั้งนี้ไทยส่งออกไปอินเดีย7,340 ล้านเหรียญ และนำเข้าจากอินเดีย มูลค่า 4,821.18 ล้านเหรียญโดยเดือน ม.ค. – ต.ค. 63 การค้ารวมมีมูลค่า 7,871 ล้านเหรียญ 

.เกาหลีใต้สั่งฆ่าสัตว์ปีก 2.7 ล้านตัว 

กระทรวงเกษตร อาหาร และกิจการชนบทของเกาหลีใต้ เปิดเผยว่า รัฐบาลได้กำจัดสัตว์ปีกไปแล้วราว 2.7 ล้านตัว เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไข้หวัดนกในฟาร์มท้องถิ่น ท่ามกลางความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับไข้หวัดนกแพร่ระบาด

โดยเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นได้กำจัดเป็ดจำนวน 361,000 ตัว ไก่ 1.5 ล้านตัว และนก กระทา 885,000 ตัว ตั้งแต่วันที่ 28 พ.ย. หลังยืนยันพบไข้หวัดนกระบาดในฟาร์มเมืองจุงอัพ ห่างจากกรุงโซลราว 290 กม.

.สหรัฐเยียวยาโควิดอีกเกือบ 1 ล้านล้านเหรียญ

รัฐบาลสหรัฐเสนอแผนยียวยาโควิด-19 บรรเทาผลหระทบฉบับใหม่วงเงิน 916,000 ล้านเหรียญต่อสภาคองเกรสในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจกำลังเผชิญความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยซ้ำซ้อ ทั้งนี้ นายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ ระบุในแถลงการณ์ว่าได้ยื่นข้อเสนอมาตรการนี้ต่อนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐว่า”รวมถึงเม็ดเงินสำหรับรัฐบาลระดับรัฐและท้องถิ่น ตลอดจน การคุ้มครองความรับผิดที่แข็งแกร่งสำหรับภาคธุรกิจโรงเรียน และมหาวิทยาลัย”

.เกาหลีใต้พบผู้ติดเชื้อโควิดเพิ่มอีก 686 ราย

ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งเกาหลี (KCDC) เปิดเผยว่า ในช่วง 24 ชั่วโมงของกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา เกาหลีใต้พบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เพิ่มอีก 686 ราย ส่งผลให้ยอดรวมผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็น 39,432 ราย ทั้งนี้ เกาหลีใต้พบผู้ติดเชื้อรายใหม่อยู่ที่ระดับ 400-700 รายมา 2 สัปดาห์แล้ว และเป็นตัวเลขหลักร้อยเป็นวันที่ 32 ติดต่อกันนับตั้งแต่วันที่ 8 พ.ย. เนื่องจากมีการติดเชื้อแบบ กลุ่มในกรุงโซลและจังหวัดคย็องกี ไปจนถึงผู้ติดเชื้อจากต่างประเทศโดยผู้ติดเชื้อ รายใหม่มี 264 รายอยู่ในกรุงโซล และ 214 รายอยู่ในจังหวัดคย็องกี

สำหรับผู้ติดเชื้อที่มาจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น 24 ราย ส่งผลให้ยอดรวมผู้ติดเชื้อที่มาจากต่างประเทศอยู่ที่ 4,789 ราย ยังมีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 4 ราย ทำให้ยอดรวมผู้เสียชีวิตจากโควิดในเกาหลีใต้เพิ่มขึ้นเป็น 556 ราย และอัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ 1.41%

.”ทรัมป์”จ่อลงนามให้ชาวมะกันฉีดวัคซีนก่อน 

   ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เตรียมลงนามคำสั่งพิเศษ(8 ธ.ค.)เพื่อสร้างความมั่นใจว่า วัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ที่รัฐบาลสหรัฐจัดซื้อจะได้รับการส่งมอบให้ชาวอเมริกันเป็นกลุ่มแรก ก่อนที่จะนำไปให้ความช่วยเหลือประเทศอื่นๆ ราย งานระบุว่า คณะทำงานของปธน.ทรัมป์แสดงความมั่นใจว่า สหรัฐจะได้รับวัคซีนที่เพียงพอสำหรับฉีดให้ทุกคนที่ต้องการได้ภายในช่วงไตรมาส 2 ของปีหน้า คำสั่งพิเศษนี้จะช่วยกำหนดกรอบการทำงานให้หน่วยงานสหรัฐในการให้ความช่วยเหลือประเทศอื่นๆเพื่อให้ได้รับวัคซีน หลังคนอเมริกันได้รับวัคซีนเพียงพอแล้ว

.เกาหลีใต้สั่งซื้อวัคซีนโควิดกว่า 24 ล้านโดส 

   รัฐบาลเกาหลีใต้แถลงว่า เกาหลีใต้ได้ลงนามในข้อตกลงร่วมกับบริษัทยารายใหญ่หลายแห่ง เพื่อจัดหาวัคซีนให้กับประชาชนจำนวน 44 ล้านคนในปีหน้า ในขณะที่เกาหลีกำลังเผชิญกับการแพร่ระบาดรอบใหม่ของโรคโควิด-19 ซึ่งคาดว่าจะส่งผลกระทบอย่างหนักต่อระบบการแพทย์ภายในประเทศ นายปาร์ค นึง-ฮู รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขของเกาหลีใต้กล่าวว่า รัฐบาลเกาหลีใต้ได้จัดสรรเงินเพื่อซื้อวัคซีนจำนวน 20 ล้านโดสจากบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า, ไฟเซอร์ และโมเดอร์นา และซื้อวัคซีนอีก 4 ล้านโดสจากบริษัทแจนเซ่นซึ่งอยู่ในเครือของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ซึ่งทั้งหมดนั้นเพียงพอต่อการฉีดให้กับประชาชนราว 34 ล้านคน ส่วนประชาชนอีก 10 ล้านคนนั้น จะได้รับวัคซีนผ่านทางโครงการ COVAX ขององค์การอนามัยโลก (WHO)

   “เดิมทีเราวางแผนว่าจะจัดหาวัคซีนให้กับประชาชน 30 ล้านคน แต่เราได้ตัดสินใจที่จะซื้อเพิ่มอีก เนื่องจากมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับความสำเร็จของวัคซีนของบริษัทต่างๆ รวมทั้งการแข่งขันกันในหมู่ประเทศที่ต้องการจะซื้อวัคซีนให้ได้ก่อน” นายปาร์คกล่าว ทั้งนี้ การขนส่งวัคซีนดังกล่าวจะเริ่มขึ้นไม่เกินเดือนมี.ค.ปีหน้า แต่ทางการเกาหลีใต้จะใช้เวลาสังเกตการณ์เป็นเวลาหลายเดือนว่าวัคซีนใช้ได้ผลในประเทศอื่นๆ หรือไม่ เพื่อให้มั่นใจว่าวัคซีนมีความปลอดภัย ส่วนการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนเป็นวงกว้างนั้น คาดว่าจะเริ่มขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีหน้า

   สำนักงานควบคุมและป้องกันโรคของเกาหลีใต้รายงานว่า ณ ช่วงเที่ยงคืนของวันจันทร์ที่ผ่านมา พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่จำนวน 594 ราย ส่งผลให้ยอดดรวมผู้ติดเชื้อในขณะนี้อยู่ที่ 38,755 ราย ส่วนยอดรวมผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 552 ราย

.อังกฤษเล็งทดลองฉีดวัคซีนโควิดแล้ว

   สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า รัฐบาลอังกฤษวางแผนที่จะทดลองฉีดวัคซีนต้านโรคโควิด-19 ของบริษัทไฟเซอร์ร่วมกับวัคซีนโควิดของบริษัทแอสตร้าเซเนก้า โดยมีเป้าหมายที่จะประเมินว่า การใช้วัคซีนของทั้งสองบริษัทร่วมกันนั้น จะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพภูมิคุ้มกันโรคโควิด-19 ได้ตามแผนการที่วางไว้สำหรับปีหน้าได้หรือไม่

คณะกรรมการเฉพาะกิจด้านวัคซีนของอังกฤษได้เปิดเผยแผนการดังกล่าวในระหว่างการเผยแพร่รายงานเกี่ยวกับความคืบหน้าของวัคซีน ซึ่งรวมถึง การทำข้อตกลงเพื่อซื้อวัคซีนจำนวน 357 ล้านโดสจากบริษัทผู้ผลิตวัคซีน 7 ราย และการลงทุนในพื้นที่ 3 แห่งเพื่อขยายกำลังการผลิตวัคซีนภายในประเทศ นายไคล์ฟ ดิ๊กซ์ รองประธานคณะกรรมการเฉพาะกิจด้านวัคซีนของอังกฤษกล่าวว่า “นี่จะเป็นการทดลองในขนาดเล็กๆ และจะเป็นการทดลองกับวัคซีนที่ได้รับอนุมัติแล้วเท่านั้น”