โฆษก ภท.ขอบคุณกยศ. เหตุหยิบนโยบายแก้หนี้กยศ. ที่ภูมิใจไทยนำเสนอ ช่วยเหลือลูกหนี้

  • เรียกร้องทำให้เป็นมาตรการถาวร
  • ด้วยการสนับสนุนกฎหมายของพรรคที่ยื่นเสนอต่อรัฐสภา

นายภราดร ปริศนานันทกุล โฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าวขอบคุณกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ที่นำนโยบายแก้หนี้ กยศ. มาเป็นแนวทางการช่วยเหลือนักเรียนนักศึกษาที่มีความจำเป็นต้องกู้เงินจากกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.)โดยได้เตรียมเงินไว้ 3.8 หมื่นล้านบาท รองรับผู้กู้ในปีการศึกษา 2564 จำนวน 624,000 คน  ว่า โดยกยศ. ได้ยกเลิกข้อกำหนดที่ให้มีผู้ค้ำประกันการชำระเงินคืนกองทุน ในสัญญากู้ยืมเงินใหม่ตั้งแต่ปีการศึกษา 2564 โดยได้ปล่อยกู้ไปแล้วกว่า 3 พันล้านบาทและอยู่ระหว่างการพิจารณาอนุมัติอีกส่วนหนึ่ง ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา2019 หรือโควิด19

ทั้งนี้พรรคภูมิใจไทย มีนโยบายแก้หนี้ กยศ. 5 แนวทาง ได้แก่ 1.การพักชำหนี้ 5 ปี 2.ไม่มีดอกเบี้ย 3.ยกเลิกค่าปรับ 4.ปลดภาระผู้ค้ำประกัน 5.ผ่อนคืนเงินต้น 10 ปี

ก่อนหน้านี้ กยศ. ได้มีการประกาศยกเลิกกำหนดที่ให้มีผู้ค้ำประกันการชำระเงินคืนกองทุน ในสัญญากู้ยืมเงินใหม่ตั้งแต่ปีการศึกษา 2564 เป็นต้นไป เพื่อช่วยเหลือนักเรียนนักศึกษาที่มีความจำเป็นต้องกู้เงินเพื่อการศึกษา พร้อมมีมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ในช่วงสถานการณ์โควิด 19 ที่ครอบคลุมทุกกลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่ยังไม่ถูกดำเนินคดี โดยมีมาตรการ ดังนี้ 1. ลดดอกเบี้ยเหลือ 0.01% ต่อปี สำหรับผู้กู้ที่ไม่เคยผิดนัด 2. ลดเบี้ยปรับ 100% สำหรับผู้กู้ที่ชำระหนี้ปิดบัญชี 3. ลดเบี้ยปรับ 80% สำหรับผู้กู้ที่ชำระหนี้ค้างทั้งหมด 4. ลดเงินต้น 5% สำหรับผู้กู้ที่ไม่เคยผิดนัดและชำระหนี้ปิดบัญชีในคราวเดียว 5. ลดอัตราการคิดเบี้ยปรับเหลือ 0.5% กรณีไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด ซึ่งมาตรการดังกล่าวข้างต้นจะมีผลถึง 31 ธ.ค.64 ปีนี้

สำหรับกรณีผู้กู้ผิดนัดชำระหนี้ ประจำปี 2563 และ 2564 กยศ. จะชะลอการฟ้องคดีไปจนถึง 31 มี.ค. 2565 ยกเว้นคดีที่จะขาดอายุความในปีนี้พร้อมงดการขายทอดตลาด กรณีที่ถูกบังคับคดีจนถึงสิ้นปี 2564 กยศ. จะงดการขายทอดตลาด ส่วนผู้กู้ยืมเงินที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จะได้รับการพักชำระหนี้เป็นเวลา 2 ปี

“ผมจึงอยากเสนอไปยัง กยศ. กระทรวงการคลัง และ รัฐบาล พิจารณานำมาตรการ ที่กยศ.ดำเนินการเป็นการชั่วคราว มาทำให้เป็นมาตรการถาวร  พร้อมพิจารณาเรื่องที่พรรคภูมิใจไทยนำเสนอและ กยศ.ยังไม่ได้ดำเนินการ เพื่อจะได้ครอบคลุมปัญหาโดยการสนับสนุนกฎหมายที่พรรคภูมิใจไทย นำเสนอต่อรัฐสภา เพื่อเป็นหลักประกันในการเข้าถึงแหล่งทุนทางการศึกษา ให้กับลูกหลานของเราในอนาคต ด้วย” นายภราดร กล่าว