โควิด-19รอบสองป่วนยุโรป “สเปน” สั่งล็อกดาวน์เมืองหลวง

  • “เช็ก”ประกาศฉุกเฉิน
  • “อิสราเอล”ห้ามรวมตัวไกลกว่า 1 กม.จากบ้าน

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ทางการสเปนได้ออกคำสั่งปิดเมืองเมือหลวงอีกครั้งเพื่อรับมือการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 รอบสอง ในบางจุดในเขตเทศบาลที่มีจำนวนประชากรเกินจำนวน 100,000 คน ของกรุงแมดริด ซึ่งเป็นเมืองหลวงและ 9 เมืองรอบกรุงแมดริด ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า

ประชาชนจะได้รับอนุญาตให้ออกจากพื้นที่สำหรับการเดินทางที่สำคัญเพื่อออกไปทำงาน ไปโรงเรียนและมหาวิทยาลัยพบแพทย์และดูแลผู้ที่มีความเสี่ยงเท่านั้น
การพบปะสังสรรค์จะจำกัด ไว้ที่ 6 คนและยังมีการกำหนดชั่วโมงและจำนวนในโรงแรมสถานที่ทำพิธีกรรมทางศาสนา และร้านค้า สวนสาธารณะและสนามเด็กเล่นได้รับการยกเว้นเว้นแต่หน่วยงานท้องถิ่นจะเลือกปิด

“เปโดร ซานเชส” นายกรัฐมนตรีสเปนและผู้นำเขตปกครองตนเองทั้งหมด ได้ร่วมประชุมเมื่อวันพุธที่ผ่านมาและได้อนุมัติมาตรการใหม่

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลท้องถิ่นของกรุงมาดริด รัฐบาลแคว้นกาตาลุญญา และดินแดนปกครองตนเองอีกสามแห่งที่มีผู้นำสายอนุรักษ์นิยม ปฏิเสธที่จะทำตามมาตรการดังกล่าว

สเปนมีจำนวนผู้ติดเชื้อราว 300 คนต่อประชากร 100,000 คน โดยในกรุงมาดริดมีอัตราการระบาดที่สูงกว่าสองเท่า คือ มีผู้ติดเชื้อมากกว่า 780 คนต่อประชากร 100,000 คน และเท่าที่ผ่านมา สเปนมีผู้เสียชีวิตจากไวรัสโควิด-19 กว่า 31,000 คน ซึ่งอยู่ในระดับสูงเป็นอันดับที่ 4 ในยุโรปรองจากอังกฤษ อิตาลี และฝรั่งเศส

ทางด้านประเทศรัสเซีย นายกเทศมนตรีกรุงมอสโก เมืองหลวงของรัสเซีย สั่งการนายจ้างทุกบริษัทให้มีพนักงานทำงานจากที่บ้านอย่างน้อย 30% ขณะเดียวกันหลายประเทศในยุโรปก็รายงานพบผู้ติดเชื้อใหม่สูงสุดเป็นประวัติการณ์

ขณะที่สาธารณเช็กซึ่งนับเป็นประเทศที่มีการแพร่ระบาดเพิ่มขึ้นเร็วที่สุดในยุโรป รัฐบาลจึงจำเป็นออกมาตรการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินด้านสาธารณสุขทั่วทุกพื้นที่ตั้งแต่วันที่ 5 ตุลาคมเป็นต้นไป เป็นเวลา 2 สัปดาห์ รวมทั้งมาตรการห้ามรวมกลถ่มในสถาทนที่ในร่มเกิน 10 คน และห้ามเกิน 20 คนในสถานที่กลางแจ้ง
สภาอิสราเอลผ่านกฎหมายห้ามประชาชนชุมนุมในบริเวณไกลกว่าหนึ่งกิโลเมตรจากบ้าน โดยผู้สนับสนุนกฎหมายนี้เห็นว่า กฎหมายนี้มีเพื่อสกัดการระบาดของไวรัสระลอกใหม่ในประเทศ จนนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ต้องออกคำสั่งล็อกดาวน์ทั่วประเทศครั้งที่สองเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว