นายสันติสุข คล่องใช้ยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินไทยแอร์เอเซีย เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบ าดโควิดทำให้ สายการบินแอร์เอเซีย กรุ๊ป มีการปรับตัวทางธุรกิจที่จะไม่ขายตั๋วโดยสารในเส้นทางบินอย่างเดียวด้วยการเปิดตัว Airasia.com ซึ่งจะเป็นที่รู้จักกันในนามซูปเปอร์แอพพลิเคชั่น ที่เมื่อผู้โดยสารเข้าไปจองตั๋วโดยสารแล้วสามารถเลือกโรงแรมที่มีพันธมิตรในอาเซียนเจ้ามาร่วมกว่า 500 โรงแรม, การเดินทาง หรือ ซื้อสินค้าแบบวาไรตี้ได้ทุกประเภท ผ่านเวปไซต์ และ แอพพลิเคชั่นนี้ และในอนาคตจะมีสามารถทำธุรกรรมทางการเงินผ่านเวปไซต์ และแพพลิเคชั่นนี้ได้ด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้จากการเปิดตัวมาพบว่า มียอดจองตั๋วโดยสารและจองโรงแรมผ่านเวปไซต์นี้กว่า 2,000 ห้องใน4ชั่วโมง สาเหตุที่มีการตอบรับที่ดี เนื่องจากมีราคาค่าห้องถูกกว่าราคาท้องตลาด และเวปไซต์อื่นๆกว่า5-10% อย่างไรคาดว่ารายได้จาก Airasia.com จะทำให้รายได้ในส่วนของ ไทยแอร์เอเซีย เพิ่มขึ้นกว่า 5-10%
นายสันติสุข กล่าวต่อว่า ในส่วนของปริมาณการขนส่งผู้โดยสาร ขณะนี้ยอมรับว่าปริมาณผู้โดยสารได้กลับมาแล้วจากเดิมเมื่อต้นเดือนมกราคม 63 มีปริมาณผู้โดยสารในประเทศเดินทางกว่า 4,000,000 คน และเมื่อเกิดสถานการณ์โควิด ผู้โดยสารหายไปจนมาเดือน ธันวาคมคาดการณ์ว่ามีปริมาณผู้โดยสารที่ 3,900,000 คน ซึ่งใกล้เคียงกับเมื่อต้นปี โดยอัตราการบรรทุกปริมาณผู้โดยสารพบว่าในไตรมาสที่สี่กลับมาที่ 80% แล้วตลอดทั้งปีเฉลี่ยที่ 85%
นอกจากนั้นในปีนี้ทางไทยแอร์เอเซีย จะเริ่มมาบุกการขนส่งสินค้าทางอากาศ(คาร์โก้) ขณะนี้ได้มีการทำหนังสือเพื่อขออนุญาตไปยังสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย(กพท.) เพื่อขออนุญาตเปิดธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศโดยเฉพาะ จากเดิมที่ขนส่งสินค้าใต้ท้องเครื่องเป็นหลัก และในช่วงสถานการณ์โควิด ได้มีการปรับมาขนสินค้าบนที่นั่งผู้โดยสาร พบว่าได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีโดยเฉพาะเส้นทางบินฮ่องกงที่มีปริมาณการขนส่งสินค้าถึง 5 วันต่อสัปดาห์ ขณะเดียวกันยังมีเส้นทางขนสินค้าไปยังประเทศ เมืองเชนไน ประเทศอินเดีย สิงคโปร์ เมืองย่างกุ้ง ประเทศเมียนมาร์ , เมืองมับดีฟส์ และ เมืองโคลัมโบ ประเทศ ศรีลังกา
