“แอร์เอเซีย”นำทีมสายการบินในประเทศ ตบเท้าขอพบ รมว.คลังพรุ่งนี้

  • สายการบินในประเทศ ตบเท้าขอพบ รมว.คลังพรุ่งนี้ ก่อน 8 สายการบินถกผ่าวิกฤติ 22 เม.ย.
  • ย้ำรัฐต้องชัดเจนเดือนพฤษภาคมนี้บินได้ไหม-จัดหา soft Loan ระบุสายการบินกลืนเลือดไม่ปลดคน
  • ด้านกพท.ระบุกรณีไทยไลออ้อนแอร์ เลิกจ้างพนักงานใหม่ 120 คน เป็นการบริหารจัดการภายใน

    นายธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์ ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัทไทยแอร์เอเชีย เปิดเผยถึงปัญหาที่สายการบินในประเทศได้รับผลกระทบจากวิกฤติระบาดไวรัส COVID-19 ว่า ผลกระทบดังกล่าวที่ทำให้สายการบิน ต้องหยุดทำการบินทั้งเส้นทางในประเทศและต่างประเทศมาระยะหนึ่งแล้ว โดยในวันพรุ่งนี้ ผู้ประกอบการสายการบินจะขอเข้าพบนายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อติดตามมาตรการช่วยเหลือซึ่งวันที่ 7 เมษายนที่ผ่านมา 8 สายการบินในประเทศได้ทำหนังสือ ขอให้ภาครัฐช่วยจัดหา แหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ หรือ soft loan เพื่อสายการบินนำเงินกู้นี้ ใช้จ่ายเงินเดือนพนักงาน และในวันพุธที่ 22 เมษายนนี้ สายการบินทั้ง 8 แห่งจะประชุมหารือร่วมกัน เพื่อออกแถลงการณ์มาตรการที่จะปฏิบัติต่อไปในอนาคต

    “ขณะนี้สายการบินทุกแห่งพยายามต่อสู้และดำเนินการตามที่ภาครัฐขอความช่วยเหลือมา คือขอให้ไม่มีการเลิกจ้างพนักงาน ซึ่งในอุตสาหกรรมการบินทั้งหมดก็ประมาณ 30,000 ถึง 50,000 คน สายการบินก็หวังว่าภาครัฐจะมีมาตรการช่วยเหลือหาแหล่งเงินกู้ทำให้การจ่ายเงินเดือนพนักงานในช่วงที่ต้องหยุดวันนี้ การบินสามารถทำตามเป้าหมาย และอยู่รอดได้ “นายธรรศพลฐ์กล่าว

    นอกจากนี้ยังมีอีกประเด็นที่ผู้ประกอบการสายการบินอยากให้ภาครัฐรีบสร้างความชัดเจน เครื่องทำการบินในเดือนพฤษภาคม 63 ซึ่งจะต้องมีความชัดเจนภายใน 1 สัปดาห์ข้างหน้า เพราะหลายสายการบินรวมถึงไทยแอร์เอเชีย มีแผนจะทำการบิน เส้นทางในประเทศ บางเส้นทาง 1 พฤษภาคมนี้ สถานการณ์ปัจจุบันยอมรับว่า การที่หลายจังหวัดท่องเที่ยวยังมีการล็อคดาวน์ ห้ามเดินทางเข้าจังหวัดอยู่ การบินไปยังจังหวัดเหล่านี้ แต่นักท่องเที่ยวไม่สามารถออกจากสนามบินไปท่องเที่ยวได้ ก็เป็นเรื่องที่ไม่มีประโยชน์ ที่จะทำการบินไป ซึ่งเรื่องเหล่านี้ภาครัฐต้องมีความชัดเจนเรื่องขั้นตอนการปฏิบัติและประกาศออกมาด่วน ผู้ประกอบการสายการบินจะได้ใช้ตัดสินใจได้

    ทั้งนี้นายธรรศพลฐ์ ยังกล่าวถึง การที่ผู้ประกอบการสายการบินในประเทศ ต้องการหาแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ วงเงินรวมกว่า 24,000 -25,000 ล้านบาทว่า เรื่องนี้ภาครัฐได้เตรียมมาตรการด้วยการออก พ.ร.ก.กู้เงินฯ 1.9 ล้านล้านบาท ซึ่งขั้นตอนของการออกพ.ร.ก.ฯนั้น เห็นว่าต้องทำเร่งด่วน จะใช้ขั้นตอนตามกฎหมายปกติไม่ได้ เพราะความเสียหายที่เกิดจากโรคระบาด COVID-19 ไม่ได้เป็นปัญหาปกติที่เคยเกิดขึ้น หากการเยี่ยวยาล่าช้าความเสียหายก็จะเพิ่มสูงมากขึ้น ทั้งนี้ยังมั่นใจว่าในเรื่องการจัดหาแหล่งเงินกู้นั้น เครดิตของประเทศไทยยังอยู่ในฐานะที่ดี เพดานหนี้สาธารณะก็อยู่ในระดับต่ำ แหล่งเงินกู้จากต่างประเทศ ที่ขณะนี้ก็มีสภาพคล่องเหลืออยู่ ขณะเดียวกันเงินทุนสำรองฯ ระหว่างประเทศของไทย ก็ยังมีเหลือเพียงพอ โดยภาครัฐสามารถใช้มาตรการกู้เงินของตนเอง เพื่อนำเงินเหล่านี้ออกมากู้วิกฤต ก็ยังทำได้

    “โดยผลกระทบที่ผู้ประกอบการรายใหญ่จนถึงรายย่อยได้รับจากวิกฤติ COVID -19 มีทุกภาคส่วน อย่างธุรกิจสายการบินนี่ก็เช่นเดียวกัน จำเป็นต้องเร่งฟื้นตัวโดยเร็วเพราะจะเป็นด่านแรกที่จะช่วยนำนักท่องเที่ยว และทำให้การท่องเที่ยวเกิดเงินหมุนเวียนสะพัด ไปยังธุรกิจต่อเนื่องอื่นๆที่อยู่ในภาคการท่องเที่ยวทั้งหมด หากผู้ประกอบการอยู่ไม่ได้ สุดท้ายการเดินทางเข้าจากต่างประเทศ และการเดินทางระหว่างจังหวัด ก็ไม่มีคนทำ มูลค่าความเสียหายต่อการท่องเที่ยวแต่ละพื้นที่ ก็จะเป็นเรื่องที่แก้ยาก”นายธรรศพลฐ์กล่าว

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีที่สายการบินไทยไลออนแอร์เลิกจ้างพนักงานนั้น ล่าสุดสื่อข่าวรายงานจากฝ่ายบริหารไทยไลออนแอร์ ยอมรับว่า มีการ เลิกจ้างพนักงานจริงแต่เป็นพนักงานที่มีอายุงานไม่ถึง 1 ปี จำนวน ประมาณ 120 ราย โดยไม่ใช่การเลิกจ้างพนักงานทั้งหมด และสายการบินจะมีการชดเชยให้กับพนักงานที่ถูกเลิกจ้างตามกฎหมาย โดยอาจต้องใช้วิธีการกู้เงินจากสถาบันการเงิน เพื่อนำมาชดเชยให้กับพนักงาน

    โดยยอมรับว่าผลกระทบดังกล่าวมาจากการที่สายการบินต้องหยุดบินจากสถานการณ์โควิด-19 ที่ส่งผลต่อรายได้บริษัท อย่างไรก็ตามสายการบินไทย ไลอ้อนแอร์ เตรียมแผนลดรายจ่ายของสายการบินโดยการเปิดให้พนักงานหยุดงานโดยไม่รับเงินเดือน และ ลาออกจากงานโดยสมัครใจ คาดว่าจะมีผลประมาณ 1 พ.ค. นี้ โดยจะมีการประเมินจำนวนพนักงานอีกครั้งในปลายเดือนนี้. ขณะเดียวกันเตรียมแผนคืนเครื่องบิน จากปัจจุบันที่มีอยู่ 34 ลำ ออกไปบางส่วน เพื่อลดรายจ่าย รวมทั้งเตรียมแผนในการกลับมาทำการบินในเส้นทางในประเทศในบางเส้นทางในเดือนพ.ค. นี้ และจะทยอยเปิดบินในเส้นทางระหว่างประเทศบางเส้นทางต่อไปด้วย

    นายจุฬา สุขมานพ ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย(กพท.) เปิดเผยว่า จากปัญหาผลกระทบจากสถานการณ์โควิดในปัจจุบันได้ส่งผลกระทบต่อหลายๆธุรกิจ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมทางการบิน แม้ว่าล่าสุดสายการบินที่ให้บริการในประเทศกว่า 8สายการบินได้แสดงความต่องการที่จะให้ภาครัฐโดยเฉฑาะกระทรวงการคลังหาแหล่งเงินกู้รวมกว่า 25,000 ล้านบาท เพื่อมาพยุงสถานะทางการเงินก็ตาม แต่ก็ยังไม่มีสายการบินใดที่แสดงเจตจำนงแจ้งมายัง กพท. ว่าจะปิดกิจการ นอกจากการแจ้งขอหยุดทำการบินชั่วคราวเท่านั้น

    ส่วนกรณีที่มีสายการบินในประเทศบางสายการบินได้มีการปลดพนักงานเนื่องจากประสบปัญหาผลกระทบจากโควิดนั้น ในส่วนนี้ถือเป็นการบริหารภายในของปต่ละสายการบินไม่จำเป็นที่จะต้องแจ้งหรือรายงาน กพท. นอกจากกรณีที่ต้องมีการปิดบริการ เปิดบนิหาร หรือหยุดทำการบิน เท่านั้น เพราะถือเป็นการบริหารจัดการภายในของแต่ละบริษัท ที่จะบริหารจัดการเอง