“แสนสิริ” เร่งเครื่องส่งมอบบ้าน ตั้งเป้าโอน 2.9 หมื่นล้านบาท พร้อมจัดทัพดูแลลูกบ้านเต็มที่

  • “แสนสิริ” เดินหน้าส่งมอบที่อยู่อาศัยตามเป้าโอน 29,000 ล้านบาท
  • ล่าสุดเตรียมโอน “ทากะ เฮาส์” คอนโดภายใต้ความร่วมมือ แสนสิริ-โตคิว
  • จัดทัพเตรียมความพร้อม “แสนสิริ เซอร์วิส”
  • มอบบริการดูแลการเข้าอยู่อาศัยครบวงจร ต้อนรับครอบครัวแสนสิริ แฟมิลี่

นายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทประสบความสำเร็จในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยที่ตอบรับทุกความต้องการของลูกค้าทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดมาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ในปัจจุบันมีจำนวนสมาชิกแสนสิริแฟมิลี่ที่เพิ่มมากขึ้นในแต่ละปีแล้วกว่า 126,000 ครอบครัว ล่าสุดในปี 2562 นี้ บริษัทได้เตรียมส่งมอบที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จเพื่อตอบรับ ความต้องการที่อยู่อาศัยจริงโดยประมาณการยอดโอนโครงการที่อยู่อาศัยที่สร้างเสร็จสมบูรณ์และพร้อมจะส่งมอบให้กับลูกค้าในปีนี้ เป็นมูลค่าประมาณ 29,000 ล้านบาท

อุทัย อุทัยแสงสุข

“ในช่วงครึ่งปีหลังนี้ บริษัทมีพันธกิจสำคัญที่จะต้องส่งมอบที่อยู่อาศัยให้กับลูกค้า แบ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียมที่จะสร้างเสร็จใหม่และส่งมอบให้กับลูกค้าเข้าอยู่อาศัยอีก 9 โครงการ อาทิ ทากะ เฮาส์ มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท, เดอะ ไลน์ สุขุมวิท 101 มูลค่าโครงการ 4,700 ล้านบาท, เดอะ ไลน์ พหลฯ – ประดิพัทธ์ มูลค่าโครงการ 5,900 ล้านบาท, เดอะ เบส เพชรเกษม มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท, เดอะ เบส สุขุมวิท 50 มูลค่าโครงการ 1,550 ล้านบาท, เดอะ โมนูเมนต์ ทองหล่อ มูลค่าโครงการ 6,300 ล้านบาท, คุณ บาย ยู อินสไปร์ บาย สตาร์ค มูลค่าโครงการ 4,000 ล้านบาท, ลา กาซิตา หัวหิน มูลค่าโครงการ 2,400 ล้านบาท และดีคอนโด หาดใหญ่ มูลค่าโครงการ 800 ล้านบาท ขณะที่โครงการบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ จะทยอยสร้างเสร็จและส่งมอบให้กับลูกค้าตามเฟสต่างๆต่อเนื่อง”

 นายอุทัย กล่าวว่า ล่าสุดบริษัทยังได้จัดทีมเตรียมพร้อมด้านการบริการ สำหรับการโอนส่งมอบโครงการคอนโดมิเนียมภายใต้ความร่วมมือระหว่างแสนสิริและโตคิว คอร์ปอเรชั่น ในชื่อโครงการ “ทากะ เฮาส์” มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียมแบบ Low-rise ตั้งอยู่บนทำเลเอกมัย 12 โดยโครงการนี้ตั้งอยู่ในทำเลที่ตั้งที่ได้รับความนิยมในกรุงเทพฯ มีการเปลี่ยนแปลงของราคาคอนโดมิเนียมรีเซลล์ที่เติบโตเฉลี่ยถึง 6-10% ต่อปี และราคาปล่อยเช่าในทำเลเอกมัยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 25,000-55,000 บาทต่อเดือน ขณะที่ผลตอบแทนในการลงทุนอยู่ที่ประมาณ 5-6% ต่อปี ซึ่งได้รับความสนใจเข้าอยู่อาศัยจากชาวต่างชาติจำนวนมาก โดยเฉพาะชาวญี่ปุ่น ซึ่งเป็นผู้เช่าเกรดพรีเมียมสำหรับกลุ่มนักลงทุนในทำเลนี้ โดยบริษัทจะจัดกิจกรรมเริ่มโอนโครงการวันที่ 16-18 ส.ค.นี้เป็นต้นไป 

“นอกจากการบริหารงานก่อสร้างที่อยู่อาศัยที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ลูกบ้านแสนสิริจะได้รับบริการจากพลัส พร็อพเพอร์ตี้ ทีมงานมืออาชีพที่จะเป็นศูนย์กลางในการให้บริการและบริหารจัดการความต้องการให้กับลูกบ้านอย่างครบวงจร ทั้งการขาย ปล่อยเช่า ซื้อเพิ่ม หรืออยู่อาศัยเอง รวมถึงการดูแลบริหารโครงการและส่วนกลางในทุกรูปแบบ” 

อย่างไรก็ตามจุดเด่นที่นับเป็นกลยุทธ์หลักในปีนี้ ที่สร้างความแตกต่างให้กับบริการของแสนสิริ คือ Home Care Services ที่แบ่งเป็น 2 ส่วน ได้แก่ การดูแลรักษาเชิงป้องกัน (Preventive Care) และการดูแลซ่อมบำรุง (Maintenance Care) เพื่อเปลี่ยนเรื่องการดูแลรักษาบ้านที่ยุ่งยากให้เป็นเรื่องง่าย กับบริการซ่อมบำรุงในประกันและหลังหมดประกัน เสมือนมีช่างประจำตัวบ้านที่คอยช่วยตรวจเช็คและซ่อมบำรุงอยู่เสมอ ทั้งนี้บริษัทคาดว่าจะได้รับการตอบรับเข้าร่วมรับโอนส่งมอบที่ดีจากการบริหารงานก่อสร้างที่อยู่อาศัยที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพและการสร้างประสบการณ์ด้านบริการที่ตอบโจทย์การอยู่อาศัยสมบูรณ์แบบอย่างครบวงจร