แสนสิริสร้างยอดโอน ครึ่งปีทะลุ 25,220 ล้านบาท

  • โตจากช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 152%
  • ยอดโอนในไตรมาส 2 สูงถึง 16,685 ล้านบาท

นายอภิชาติ จูตระกูล ประธานอำนวยการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI เปิดเผยว่า แสนสิริประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมาได้รับการตอบรับเป็นอย่างสูงจากกลุ่มลูกค้าทั้งในด้านการขายและโอนโครงการ โดยสร้างผลงานปิดการขายโครงการที่อยู่อาศัยไปถึง 21 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 34,500 ล้านบาท

นอกจากนี้ บริษัทยังมีผลงานการโอนที่โดดเด่นทั้งในแนวราบและแนวสูง โดยล่าสุดบริษัทมียอดโอนโครงการที่อยู่อาศัยทุกประเภทที่สร้างเสร็จสมบูรณ์และส่งมอบให้กับลูกค้าไปแล้วถึง 25,220 ล้านบาทซึ่งนับว่าเป็นยอดการโอนที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ของแสนสิริ ทุบทุกสถิติการโอนที่เคยทำได้สูงสุด ทั้งในรอบครึ่งปีและรายไตรมาส โดยแบ่งเป็นยอดโอนในไตรมาสแรก 8,535 ล้านบาทและยอดโอนในช่วงไตรมาสสอง 16,685 ล้านบาท ทั้งนี้ ยอดโอนในไตรมาสที่ 2 ยังทุบสถิติยอดโอนสูงสุดที่เคยทำได้ในไตรมาส 4 ของปีที่ผ่านมา ขณะที่ยอดโอนโครงการแนวราบเติบโตขึ้นจากปีก่อน 59% และโครงการคอนโดมิเนียมมียอดโอนโตกว่า 299% รวมถึง บริษัทยังมีจำนวน Secure โอนคอนโดมิเนียมที่สูงถึงเกือบ 90% จากจำนวนยูนิตสร้างเสร็จประมาณ 10,000 ยูนิต ซึ่งนับเป็นอัตราส่วนที่ดีที่สุดในตลาดสำหรับการขายและการโอนในขณะนี้

“ความสำเร็จจากการดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งปีแรก มาจากการขยับและเดินเกมส์เร็วนำหน้าคู่แข่ง การมีกลยุทธ์การตลาดที่แข็งแกร่ง ด้วยการคิดและนำเสนอโปรโมชั่นที่ตอบโจทย์ตรงใจลูกค้า อาทิ “มีเงินเดือนเริ่มต้น 18,000 บาทก็เป็นเจ้าของสิริ เพลส ได้ง่ายๆ” โปรโมชั่น “โปรลื่นปรื้ด” และแคมเปญที่พัฒนาจาก Customer Insight “แสนสิริผ่อนให้ 24 เดือน”

รวมถึงการรุกการขายในทุกช่องทาง ผ่าน Multi-channel เพื่อตอบโจทย์คนอยากมีบ้านในยุคโควิดในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้แสนสิริได้รับการตอบรับจากกลุ่มลูกค้าเป็นอย่างดี

นอกจากนี้ภายใต้สถานการณ์โควิด-19 ยังทำให้แสนสิริต้องเร่งการขายโครงการที่อยู่อาศัยต่างๆ ให้เร็วกว่าแผนเดิม เพื่อแข่งขันกับสภาพตลาด (Speed to Market)

รวมถึงการบริหารเงินสดในมือที่ดี (Cash is King) ยังส่งผลให้แสนสิริเป็นองค์กรที่มีสภาพคล่องสูง มีกระแสเงินสดที่มีความพร้อมในการดำเนินธุรกิจ

ส่งผลให้มียอดขายและยอดโอนถล่มทลาย สวนกระแสตลาดหดตัว นอกจากนี้ยอดขายและยอดโอนที่ประสบความสำเร็จยังมาจากความแข็งแกร่งของแสนสิริ

ในการเป็นแบรนด์ที่เข้าถึงได้ในทุกระดับราคา สะท้อนความเชื่อมั่นในการเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งของคนอยากมีบ้านด้วยมาตรฐานการออกแบบและคุณภาพโครงการ

ตลอดจนบริการหลังการขายหรือ Sansiri Service ที่สามารถครองใจผู้บริโภค จากการเป็นผู้นำด้านการบริการในที่อยู่อาศัย และความมั่นใจสูงสุดด้านความปลอดภัยจาก LIV-24

ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญอันดับหนึ่งที่ทำให้กลุ่มลูกค้าเลือกแสนสิริ ยังรวมไปถึงความมั่นคงด้านการเงินจากการบริหารองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ผลงานการโอนยังมาจากการบริหารงานก่อสร้างที่อยู่อาศัยที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ จากการรุกขยายการก่อสร้างที่อยู่อาศัยภายใต้ระบบพรีคาสต์โดยได้เปิดตัวโรงงานใหม่เพื่อเพิ่มศักยภาพกำลังการผลิต เป็น 1.2 ล้านตารางเมตรต่อปี เพื่อเตรียมส่งมอบที่อยู่อาศัยคุณภาพโดยได้เริ่มเดินหน้ากำลังการผลิตในไตรมาสแรกที่ผ่านมาพร้อมดันยอดโอนสู่เป้าหมายใหม่ 42,000 ล้านบาท” นายอภิชาติ กล่าว