แรงซื้อหุ้นเทคโนโลยี ดันดัชนีดาวโจนส์ปิดบวก 289 จุด

  • นักลงทุนชัอนซื้อหุ้นเทคโนโลยี คาดผลประกอบการดีสุดในข่วงโควิดระบาด
  • ผลจากคลายล็อกดาวน์ ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ดีดตัวขึ้น 0.6% ในเดือน ก.ค.
  • ตลาดจับตามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ ที่ยังตกลงกันไม่ได้ แม้ล่าช้ามาเกือบ 2 สัปดาห์

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 12.ที่ 27,976.84 จุด เพิ่มขึ้น 289.93 จุด หรือ +1.05% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 3,380.35 จุด เพิ่มขึ้น 46.66 จุด หรือ +1.40% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส ปิดที่ 11,012.24 จุด เพิ่มขึ้น229.42 จุด หรือ +2.13%

นักลงทุนกลับมาซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีอีกครั้ง โดยนักวิเคราะห์จากบริษัทเกลนมีด อินเวสต์เมนท์ แมเนจเมนท์ ในรัฐเพนซิลวาเนียของสหรัฐ ระบุว่า  นักลงทุนมีความเห็นว่า บริษัทเทคโนโลยียังจะได้ประโยชน์มากที่สุดในช่วงเวลาที่สหรัฐยังคงเผชิญกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในอัตราที่สูง

หุ้นแอปเปิล พุ่งขึ้น 3.32% หุ้นไมโครซอฟท์ พุ่งขึ้น 2.86% หุ้นเฟซบุ๊ก บวก 1.47% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ เพิ่มขึ้น 1.83% หุ้นอัลฟาเบท เพิ่มขึ้น 1.8% หุ้นแอมะซอนดอทคอม พุ่งขึ้น 2.65%

อย่างไรก็ตาม ข่าวความคืบหน้าในการผลิตวัคซีน ทั้งจากฝั่งรัสเซีย และสหรัฐ ทำให้หุ้นที่กี่ยวกับการผลิตวัคซีนเพิ่มขึ้นเช่นกันโดยหุ้นโมเดอร์นาปรับตัวขึ้น 0.8%

ทั้งนี้ นายมิคาอิล มูราชโก รัฐมนตรีสาธารณสุขรัสเซีย ได้ระบุถึงความคืบหน้าการผลิตวัคซีนว่า รัสเซียจะเริ่มการผลิตวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ภายในเวลา 2 สัปดาห์ ซึ่งในระยะแรกจะเน้นการผลิตเพื่อรองรับความต้องการภายในประเทศ ก่อนที่จะผลิตตามคำสั่งซื้อจากต่างประเทศ

ขณะเดียวกันมีรายงานว่า รัฐบาลสหรัฐได้บรรลุข้อตกลงกับบริษัทโมเดอร์นา อิงค์ของสหรัฐ เพื่อซื้อวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ปริมาณ 100 ล้านโดส มูลค่าราว 1.5 พันล้านดอลลาร์ โดยโมเดอร์นาเปิดเผยว่า วัคซีน mRNA-1273 เป็นหนึ่งในวัคซีนต้านโควิดเพียงไม่กี่ตัวที่เข้าสู่การทดลองขั้นสุดท้ายแล้ว และการทดลองดังกล่าวจะแล้วเสร็จภายในเดือนก..นี้

 ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากรายงานของกระทรวงแรงงานสหรัฐซึ่งระบุว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ดีดตัวขึ้น 0.6% ในเดือนก.เมื่อเทียบรายเดือน และพุ่งขึ้น 1.0% เมื่อเทียบรายปี โดยการดีดตัวขึ้นของดัชนี CPI ในเดือนก..มีผลจากการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ 

หุ้นของบริษัทจีนที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นเป็นส่วนใหญ่ นำโดยหุ้น JD.com พุ่งขึ้น 2.81% และหุ้นอาลีบาบา กรุ๊ป โฮลดิ้ง พุ่งขึ้น 2.73%

นักลงทุนยังคงจับตาระหว่างทำเนียบขาวและสภาคองเกรสในการเจรจาเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ อย่างไรก็ตาม ลนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ กล่าวว่า จุดยืนเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐระหว่างทำเนียบขาวและพรรคเดโมแครตยังคงห่างกันเป็นไมล์

นายมิตช์ แมคคอนเนลล์ ผู้นำเสียงข้างมากของวุฒิสภาสหรัฐ เรียกร้องให้ทำเนียบขาวและสมาชิกพรรคเดโมแครตเริ่มการเจรจากันอีกครั้งเกี่ยวกับร่างกฎหมายเยียวยาผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 หลังจากที่การเจรจาประสบความล้มเหลวเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์เตือนว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีความเสี่ยงที่จะเข้าสู่ภาวะถดถอย หากทำเนียบขาวและสภาคองเกรสไม่สามารถบรรลุข้อตกลงดังกล่าว