แรงขายทำกำไร ทุบดัชนีดาวโจนส์ร่วง 300จุด

  • ดัชนีแนสแด็ก ปิดบวกเดินหน้าทุบสถิติสูงสุดต่อไป
  • นักลงทุนเทขายหุ้นกบุ่มที่ขึ้นก่อนหน้าทำกำไร ยกเว้นหุ้นกลุ่มเทคโนโลยียังขึ้นต่อ
  • ตลาดจับตาผลการประชุมเฟด เช้าวันพฤหัสนี้

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 9มิ.ย.ที่ 27,272.30 จุด ลดลง 300.14 จุด หรือ -1.09% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 3,207.18 จุด ลดลง 25.21 จุด หรือ -0.78% ขณะที่ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส ยังเดินหน้าทุบสถิติสูงสุดต่อไป โดยปิดที่ระดับ9,953.75 จุด เพิ่มขึ้น 29.01 จุด หรือ +0.29%

นักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากตลาดทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่งต่อเนื่องมาเป็นเวลาหลายวัน จากความคาดหวังที่ว่า เศรษฐกิจสหรัฐแตะจุดต่ำสุดไปแล้ว เห็นได้จากตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐที่ดีดตัวขึ้นอย่างเหนือความคาดหมาย รวมทั้งตัวเลขความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้น โดยมองว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะกลับมาฟื้นตัวหลังการทยอนผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์เพิ่มขึ้น

หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวลงหลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่ดิ่งลง โดยหุ้นเจพีมอร์แกน เชส ร่วงลง 2.6% หุ้นเวลส์ ฟาร์โก ดิ่งลง 2.07% หุ้นซิตี้กรุ๊ป ร่วงลง 2.84% หุ้นโกลด์แมน แซคส์ ลดลง 1.2% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ลดลง 1.12%

ขณะที่หุ้นกลุ่มสายการบินและกลุ่มเรือสำราญพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในช่วงที่ผ่านมานั้น เริ่มเจอแรงขายทำกำไรจากนักลงทุน โดยหุ้นยูไนเต็ด แอร์ไลน์ ร่วงลง 8.3%หุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ ดิ่งลง 8.67% หุ้นเซาท์เวสต์ แอร์ไลน์ ร่วงลง 6.36% หุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ ดิ่งลง 7.57% หุ้นเจ็ทบลู แอร์เวย์ส ร่วงลง 8.85%

หุ้นรอยัล คาริบเบียน ครูซ ร่วงลง 6.92% หุ้นนอร์เวย์เจียน ครูซ ไลน์ โฮลดิ้ง ดิ่งลง 10.15% หุ้นคาร์นิวัล คอร์ป ร่วงลง 7.51%

นอกจากนั้น ยังมีแรงเทหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมเช่นกัน โดยหุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ ร่วงลง 2.56% หุ้นเจเนอรัล อิเล็กทริก ดิ่งลง 5.2% หุ้นยูไนเต็ด เทคโนโลยีส์ ร่วงลง 4.9% ส่วนหุ้นโบอิ้ง ดิ่งลง 5.97% หลังจากบริษัทระบุว่า คำสั่งยกเลิกเครื่องบินรุ่น 737 Max สูงกว่าคำสั่งซื้อในเดือนพ.ค.

แต่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ยังพุ่งขึ้น หนุนดัชนีแนสแด็กให้ขึ้นต่อไปแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ต่ออีกวัน โดยหุ้นแอปเปิล ทะยานขึ้น 3.46% หุ้นเฟซบุ๊ก พุ่งขึ้น 3.14% หุ้นไมโครซอฟท์ เพิ่มขึ้น 0.76% หุ้นอัลฟาเบท บวก 0.28% หุ้นเฟซบุ๊ก เพิ่มขึ้น 0.27%

อย่างไรก็ตามนักลงทุนจับตาแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐอย่างใกล้ชิด รวมทั้งยังรอดูผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)ซึ่งจะมีการแถลงในวันพุธตามเวลาสหรัฐ หรือในช่วงเช้าตรู่ของวันพฤหัสบดีตามเวลาไทย เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ รวมทั้งทิศทางอัตราดอกเบี้ย

โดยสำนักงานวิจัยเศรษฐกิจแห่งชาติสหรัฐ (NBER) ระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐได้เข้าสู่ภาวะถดถอยในเดือนก.พ. จากพิษโคสิด-19 แต่การถดถอยจะเกิดขึ้นไม่นาน เพราะเศรษฐกิจสหรัฐจะกลับมาขยายตัวตั้งแต่ไตรมาส 3 ส่งผลให้ภาวะเศรษฐกิจถดถอยรอบนี้ นอกจากจะมีความรุนแรงเป็นประวัติการณ์ ยังทำสถิติช่วงเวลาสั้นที่สุดเป็นประวัติการณ์เช่นกัน

ขณะที่สำนักงานสถิติของกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผย ผลสำรวจการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) พบว่า ตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน ซึ่งเป็นมาตรวัดอุปสงค์ในตลาดแรงงาน ลดลง 965,000 ตำแหน่ง สู่ระดับ 5.0 ล้านตำแหน่งในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2557

อย่างไรก็ตามการคาดการณ์ว่าตัวเลขดังกล่าวจะดีขึ้นในเดือนพ.ค.สอดคล้งกับ สหพันธ์ธุรกิจอิสระแห่งชาติสหรัฐ (NFIB) แถลงว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดย่อมปรับตัวขึ้น 4.5 จุด สู่ระดับ 94.4 ในเดือนพ.ค. และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์