แพทย์ใหญ่สหรัฐ ยืนยัน วัคซีนไวรัส โควิด-19 ใช้กับคนได้ในเดือน พ.ย.นี้

     นายอีลอน มัสก์ เจ้าของรถยนต์ไฟฟ้า ขึ้นแท่นมหาเศรษฐีอันดับ 1 ของโลก และบริษัทยักษ์ใหญ่ที่สุดของสหรัฐ หลังกำไรจากยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าได้เกือบ 2 แสนคัน เฉือนจมูก มาร์ค ซัคเกอร์เบิร์ก เจ้าของ ผู้ก่อตั้งเฟสบุ๊ค ไปอย่างหวุดหวิด ส่วนความคืบหน้าของวัคซีนโควิด-19 แพทย์สหรัฐ ยืนยันใช้กับคนได้ภายในเดือน พ.ย.-ธ.ค.63

  • รายได้บริษัทเอกชนยุ่นร่วง 11.3%

  กระทรวงการคลังญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ตัวเลขการใช้จ่ายด้านทุนของบริษัทญี่ปุ่น ร่วงลง 11.3% ในไตรมาส 2 จากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อแนวโน้มทางธุรกิจ การลงทุนโดยบริษัทนอกภาคการเงินทั้งหมดของญี่ปุ่น เช่น การก่อสร้างอาคาร และการลงทุนเพิ่มในอุปกรณ์ต่างๆ คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 964,000 ล้านล้านเยน (ประมาณ 91,000 ล้านเหรียญสหรัฐ)มีกำไร ก่อนหักภาษีหดลง 46.6% แตะที่ 12.41 ล้านล้านเยน ซึ่งเป็นการปรับตัวลงติดต่อกัน 5 ไตรมาส เป็นอัตราการร่วงลงรุนแรงที่สุดในรอบ 11 ปี ส่วนยอดขายปรับตัวลง 17.7% แตะที่ 284.68 ล้านล้านเยนลดลงติดต่อกัน 4 ไตรมาสแล้ว

ขณะที่รัฐบาลญี่ปุ่นระบุว่า GDP หดตัวลง 27.8% รุนแรงสุดเป็นประวัติการณ์

  • “กูเกิล-เฟซบุ๊ก”พับแผนระบบเคเบิลใต้น้ำ

กูเกิล และเฟซบุ๊ก อิงค์ ตัดสินใจระงับโครงการวางระบบเคเบิลใต้น้ำระ หว่างสหรัฐ-ฮ่องกง หลังรัฐบาลสหรัฐออกมาเตือนว่า จีนอาจใช้โครงการนี้ล้วงข้อมูลจากชาวอเมริกันได้ นอกจากนี้ทั้งสองบริษัทได้ยื่นขออนุมัติโครงการใหม่อย่างรวดเร็ว ซึ่งรวมถึงการวางระบบเคเบิลไปยังไต้หวัน และฟิลิปปินส์ ภายใต้ข้อสัง เกตที่ว่า ข้อเสนอใหม่นี้ไม่รวมถึงโครงการกับบริษัท Pacific Light Data Com munication Co. จากฮ่องกงซึ่งเป็นหุ้นส่วนโครงการเดิมและบริษัท Dr.Peng  Telecom & Media Group Co. ที่ถูกสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับรัฐบาลจีน

  • ความตึงเครียดจีน-สหรัฐทวีความรุนแรง

ความตึงเครียดระหว่างจีน และสหรัฐ ยังคงทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น จากปัญหาความขัดแย้งแทบทุกด้านไม่ว่าจะเป็นประเด็นการค้า ภาษี ฮ่องกง การปฏิบัติต่อกลุ่มชาติพันธุ์อุยกูร์ ตลอดจนข้อกล่าวหาของสหรัฐที่มองว่าสินค้าไอทีของจีนมีความเสี่ยงต่อความมั่นคงของประเทศ และยังกล่าวโทษจีนว่าเป็นต้นเหตุทำให้โควิด-19 แพร่ระบาดไปทั่วโลกด้วย ดังนั้นบริษัทในสหรัฐ จึงถูกกระทรวงยุติธรรม กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ และกระทรวงกลาโหมของสหรัฐกดดันอย่างหนักไม่ให้ทำธุรกิจกับจีน หรือฮ่องกง

  • จีดีพีเกาหลีใต้หดตัว 3.2% ใน Q2

รัฐบาลเกาหลีใต้ปรับเพิ่มประมาณการตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 2/63 ว่า หดตัวลง 3.2% เมื่อเทียบรายไตรมาส อย่างไรก็ดี GDP ไตรมาส 2 หดตัวรุนแรงสุดนับตั้งแต่ไตรมาส 4 ของปี 51 ซึ่ง GDP หดตัว 3.3% ทั้งนี้เศรษฐกิจเกาหลีใต้ซึ่งใหญ่เป็นอันดับ 4 ในเอเชีย ได้เข้าสู่ภาวะถดถอยทางเทคนิคจากการหดตัวติดต่อกัน 2 ไตรมาส เช่นเดียวกับญี่ปุ่น ไทย และสิงคโปร์ มาเลเซีย ที่เผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย 

โดยการส่งออกสินค้าและการบริการในไตรมาส 2 ร่วง 16.1% แตะระดับ 35,540 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นสาเหตุหลักที่ฉุดรั้งตัวเลข GDP หดตัวลงในไตรมาส 2 ส่วนการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนสนับสนุน GDP ในสัดส่วนเกือบครึ่งหนึ่งขยายตัว 1.5% ดีกว่าตัวเลขประมาณการเบื้องต้น อย่างไรก็ตามเกาหลีใต้มียอดเกินดุลการค้า 4,120 ล้านเหรียญ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่ายอดเกินดุลการค้าอยู่ที่ 3,010 ล้านเหรียญ

  • “อีลอน มัสก์”รวยล้ำ”ซัคเคอร์เบิร์ก”

Billionaires Index แห่งสำนักข่าวบลูมเบิร์ก บ่งชี้ว่า นายอีลอน มัสก์ CEO ของเทสลา อิงค์ ได้กลายเป็นมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยกว่านายมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก CEO ของเฟซบุ๊ก อิงค์ แล้วหลังราคาหุ้นเทสลาทะยานขึ้นแบบฉุดไม่อยู่ จากการ แตกพาร์หุ้น โดยขณะนี้ ความมั่งคั่งของนายมัสก์มีมูลค่าสูงถึง 115,400 ล้านเหรียญ เมื่อเทียบกับนายซัคเคอร์เบิร์กซึ่งอยู่ที่ 110,800 ล้านเหรียญ

  ทั้งนี้ มูลค่าความร่ำรวยของนายมัสก์พุ่งขึ้น 87,800 หมื่นล้านเหรียญในปี นี้ ขณะที่ราคาหุ้นเทสลาทะยานขึ้นเกือบ 500% ส่วนผลประกอบการของเทสลายังคงทำกำไรได้ในช่วงไม่กี่ไตรมาสที่ผ่านมา แม้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยสามารถขายรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ได้กว่า 179,000 คันในช่วงครึ่งปีแรก มากกว่ายอดขายของคู่แข่งทุกค่ายรถรวมกัน

  ขณะนี้ มูลค่าตลาดของเทสลาอยู่ที่ 464,000 ล้านเหรียญ แซงหน้าบริษัทค้าปลีกยักษ์ใหญ่อย่างวอลมาร์ท จนเทสลากลายเป็นบริษัทที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในสหรัฐ เมื่อพิจารณาในแง่ของรายได้

  • ญี่ปุ่นเผยยอดขายรถใหม่ดิ่ง 16%

  สมาคมผู้ค้ารถยนต์ของญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ว่า ยอดขายรถยนต์ใหม่ ซึ่งรวมถึงรถยนต์ขนาดเล็กปรับตัวลง 16% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบกับช่วงเดียว กันปีก่อนเพราะไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบหนักต่อความต้องการรถยนต์ โดย

ยอดขายลดลงมาอยู่ที่ระดับ 326,436 คัน ทำสถิติลดลงติดต่อกันเดือนที่ 11 และปรับตัวลงรุนแรงกว่าเดือนก.ค.ซึ่งลดลง 13.7% หากไม่นับรวมรถยนต์เล็กๆ ยอดขายจะลดลงถึง 18%

  • สถาบันวิจัยคาดการค้าโลกฟื้นตัวเร็ว

  สถาบันวิจัยเศรษฐกิจ Kiel Institute for the World Economy เยอร มนี คาดการณ์ว่า การค้าโลกน่าจะฟื้นตัวจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้เร็วกว่าวิกฤตการเงินโลกเมื่อปี 51 เมื่อประเมินจากปริมาณการขนส่งซึ่งฟื้นตัวกลับมาอยู่ในจุดเดิมต้องใช้เวลากว่า 1 ปี

  กาเบรียล เฟลเบอร์เมย์ ประธานสถาบันดังกล่าวเปิดเผยว่า การค้าโลกได้ดิ่งลงอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา แต่ก็ฟื้นตัวอย่างรวดเร็วซึ่งส่งสัญญาณการฟื้นตัวแบบรูปตัว V แม้การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จะส่งผลให้เศรษฐกิจโลกร่วงลงอย่างหนัก แต่ก็เริ่มฟื้นตัวบ้างแล้ว อันเป็นผลจากการผ่อนปรนมาตรการควบ คุมในประเทศต่างๆอย่างไรก็ดี แม้สถาบันจะมีมุมมองค่อนข้างเป็นบวก แต่องค์การการค้าโลก (WTO) คาดว่า การค้าทั่วโลกจะหดตัวลง 13-32% ในปีนี้ ส่วนปีหน้า ยังคงไม่มีความชัดเจนเพราะขึ้นอยู่กับระยะเวลาของการแพร่ระบาด-ประ สิทธิภาพของนโยบายที่ประเทศต่างๆนำมาใช้

  • แพทย์ทำเนียบขาวลุ้นวัคซีนโควิดพ.ย.นี้

นายแพทย์แอนโทนี ฟอซี ผู้อำนวยการสถาบันภูมิแพ้และโรคติดต่อแห่งชาติสหรัฐและเป็นนายแพทย์ใหญ่ของคณะทำงานเฉพาะกิจด้านการควบคุมโรคโควิด-19 ของทำเนียบขาว เปิดเผยกับสื่ออังกฤษว่า นักวิจัยอาจคิดค้นวัคซีนต้านโรคโควิด-19 ได้อย่างเร็วในเดือนพ.ย.นี้ เมื่อประเมินจากความก้าวหน้าในการศึกษาวิจัย

การวิจัยที่กำลังดำเนินไปอย่างรวดเร็ว อาจทำให้คิดค้นวัคซีนที่ปลอดภัยและได้ผลอย่างน้อยไม่ภายในเดือนพ.ย.ก็เดือนธ.ค. ปีนี้ อย่างไรก็ดี วัคซีนดังกล่าวควรได้รับการพิสูจน์แล้วว่าปลอดภัยจริง ไม่ควรเอาแต่รีบพัฒนาเพื่อใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง

คำเตือนดังกล่าวของนายแพทย์ฟอซี มีขึ้นหลังจากคณะทำงานของประธา นาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังพิจารณาให้สถานะ “frast track” แก่วัคซีนที่อยู่ในขั้นทดลองและพัฒนาโดยบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า และ มหาวิทยาลัยออกซ์ ฟอร์ด เพื่อนำมาใช้ในสหรัฐก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีในเดือนพ.ย.นี้

สำหรับความเคลื่อนไหวล่าสุด จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (J&J) เปิดเผยว่าบริษัทจะทำการทดลองวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 เฟส 2ในสเปน เนเธอร์แลนด์ และเยอรมนีในสัปดาห์นี้

การทดลองดังกล่าวจะใช้เวลา 2 เดือน โดยจะมีอาสาสมัครเข้าร่วมโครง การ 550 ราย ด้านโนวาแวกซ์ บริษัทผลิตวัคซีนรายใหญ่ของสหรัฐ ได้ออกมาเปิดเผยเมื่อสัปดาห์ก่อนว่า บริษัทเริ่มเปิดรับอาสาสมัครเข้าร่วมการทดสอบวัคซีนในระยะที่ 2 แล้ว และคาดว่าจะเสร็จสิ้นการทดลองทางคลินิกในไตรมาส 4 ปีนี้

ขณะเดียวกัน โมเดอร์นา ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพของสหรัฐ แถลงผลการทดลองวัคซีนต้านโควิด-19 ในเฟสแรกกับอาสาสมัครที่มีอายุมาก โดยได้ผลเป็นที่น่าพอใจเหมือนกับที่ทดลองกับอาสาสมัครในวัยหนุ่มสาว