แจ้งข่าวดีชาวนา! เตรียมรับเงินชดเชยข้าวธ.ค.นี้

.หลัง “บิ๊กตู่” เคาะขยายเพดานวินัยการเงินการคลัง

.เพิ่มเป็น 35% จาก 30% ทำรัฐบาลมีเงินจ่ายให้แล้ว

.”จุรินทร์”เดินหน้าดันส่งออกหวังดึงราคาข้าวขยับ

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการพบปะสมาชิกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทยว่า ได้แจ้งชาวนาว่า การจ่ายเงินชดเชยส่วนต่างรายได้ตามโครงการประกันรายได้ผู้ปลูกข้าวเปลือกปี 64/65 ที่ต้องจ่ายทั้งหมด 33 งวด แต่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เพิ่งจ่ายได้เพียง 2 งวดนั้น สำหรับงวด 3-33 กำลังรอให้รัฐบาลขยายเพดานการใช้เงิน ตามมาตรา 28 พ.ร.บ.วินับการเงินการคลัง เพิ่มเป็นไม่เกิน 35% ของวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี จากปัจจุบันที่กำหนด 30% คาดว่า การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 30 พ.ย.นี้ จะมีการพิจารณาเรื่องนี้ โดยเมื่อขยายเพดานการใช้เงินแล้ว จะทำให้ ธ.ก.ส. สามารถจ่ายเงินส่วนต่างเข้าบัญชีเกษตรกรผู้ปลูกข้าวได้โดยเร็ว

 “สัปดาห์หน้า จะมีข่าวดี ครม.จะได้เคาะเกี่ยวกับงบประมาณดูแลเกษตรกรเพิ่มเติม หลังจากได้จ่ายส่วนต่างไป 2 งวด และงวด 3 บางส่วน เพราะใช้เงินจวนชนเพดาน 30% แล้ว แต่เมื่อครม.อนุมัติขยายเพดานวินัยการเงิน การคลัง ตามมาตรา 28 เป็น 35% รัฐบาลจะมีเงินมาใช้ดูแลชาวนาตามโครงการประกันรายได้ปี 3 ที่กำลังเดินหน้าได้”

อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการลดภาระงบประมาณ กระทรวงพาณิชย์จะผลักดันราคาข้าวให้สูงขึ้น โดยตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่งรมว.พาณิชย์ เคยทำราคาข้าวเปลือกแตะตันละ 10,000 บาท เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา แต่ช่วงนี้ไม่ปกติ ราคาจริงลงมาก แต่ล่าสุด ราคาข้าวแห้ง อยู่ที่ตันละ 8,000 บาทแล้ว ไม่ใช่ตันละ 5,000 บาท อย่างที่พยายามพูดกันว่าซื้อมาม่าได้ซองเดียว ไม่เป็นความจริง พร้อมกันนั้น จะช่วยลดต้นทุนให้กับชาวนา และส่งเสริมปลูกข้าวพันธุ์พื้นนุ่ม ที่เป็นที่ต้องการของตลาดต่างประเทศ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายใต้พ.ร.บ.วินับการเงินการคลัง มาตรา 28 กำหนดว่า การใช้เงินของสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ เพื่อสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลไปก่อน จะต้องมีภาระรวมกันทั้งสิ้นไม่เกิน 30% ของงบประมาณรายจ่ายประจำปี  หรือประมาณ 930,000 ล้านบาท ของเงินงบประมาณรายจ่ายปี 65 ที่ 3.1 ล้านล้านบาท แต่ล่าสุด วงเงินก้อนหนี้อยู่ที่กว่า 911,000 ล้านบาท ซึ่งใกล้ชนเพดาน 30% แล้ว ส่งผลให้ธ.ก.ส.ไม่สามารถจ่ายเงินชดเชยรายได้ให้กับเกษตรกรได้

ดังนั้น คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐ ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เมื่อวันที่ 24 พ.ย.64 ได้ขยายสัดส่วนเพดานการก่อหนี้ตามมาตรา 28 จากเดิม 30% เป็น 35% เป็นระยะเวลาชั่วคราว 1 ปี ทำให้มีวงเงินในการก่อหนี้เพิ่มเติมได้อีก 155,000 ล้านบาท ส่งผลให้มีวงเงินเข้ามาสนับสนุนโครงการประกันรายได้ และยังได้เตรียมแนวทางการขอใช้งบกลางรายการสำรองจ่ายกรณีฉุกเฉินและจำเป็นเร่งด่วนปี 65 ในการสนับสนุนโครงการประกันรายได้บางส่วน หากมีความจำเป็น เพื่อไม่ให้การจ่ายชดเชยต้องหยุดชะงัก