เอกชนจี้ทีมศก.ชุดใหม่เร่งเยียวยาเอสเอ็มอี

  • หวังให้เป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจ-รักษาจ้างงาน
  • เหตุปีนี้หวังแรงดันจากส่งออก-ท่องเที่ยวไม่ได้
  • พร้อมโปรยยาหอม”ปรีดี-สุพัฒนพงษ์”เหมาะสม

นายสแตนลีย์ คัง ประธานหอการค้าร่วมต่างประเทศในประเทศไทย (JFCCT) กล่าวว่า ต้องรอดูนโยบายของทีมเศรษฐกิจชุดใหม่ก่อนว่าจะมีแนวทางอย่างไร ซึ่งปัญหาเศรษฐกิจไทยมีความท้าทายมาก เพราะได้รับผลกระทบอย่างหนักจากเศรษฐกิจโลกและการแพร่ระบาดของโควิด-19 เพราะเศรษฐกิจไทยพึ่งพาการส่งออก และการท่องเที่ยวเป็นหลัก อีกทั้งธุรกิจส่วนใหญ่ก็เป็นของผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก (เอสเอ็มอี) แต่ขณะนี้ทั้ง 3 ส่วนได้รับผลกระทบอย่างหนัก ดังนั้น นโยบายเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการคือ 1.การแก้ปัญหาการส่งออก และปัญหาค่าเงินบาทแข็งค่ามากจนทำให้ไทยเสียศักยภาพในการแข่งขัน ซึ่งนายปรีดี ดาวฉาย รมว.คลัง และผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คนใหม่จะต้องหาแนวทางแก้ปัญหาร่วมกัน 2.การท่องเที่ยว ซึ่งไทยอาศัยนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นหลัก หากจะเปิดประเทศก็ยังมีความกังวลในเรื่องการติดเชื้อ ที่อาจจะกลับมาอีกครั้ง ดังนั้นการเปิดประเทศต้องรอบคอบและมีมาตรการควบคุมป้องกันเป็นอย่างดี และ3.เอสเอ็มอี ที่มีปัญหาสภาพคล่องทางการเงิน จะมีมาตรการช่วยเหลือย่างไรรวมทั้งการแก้ปัญหาการว่างานด้วย

นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ทีมเศรษฐกิจของครม.ชุดใหม่ ถือว่าเป็นที่ยอมรับในภาคเอกชน และหอการค้าไทย เคยทำงานร่วมกันมาก่อนทั้งนายสุพัฒนพงษ์ และนายปรีดี มั่นใจว่าทั้ง 2 ตำแหน่งนี้มีความเหมาะสม และเป็นที่ยอมรับ ส่วนนายดอน ที่ได้ควบตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและรมว.ต่างประเทศ ก็เป็นที่รู้จักในภาคเอกชนเป็นอย่างดีเช่นกัน ซึ่งเป็นบุคคลที่มีความสามารถ ส่วนรัฐมนตรีท่านอื่นๆ ส่วนตัวยังไม่รู้จัก คงต้องให้เวลาพิสูจน์ฝีมือ 
อย่างไรก็ตาม หอการค้าไทย และคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) พร้อมให้ความร่วมมือขับเคลื่อนนโยบายเต็มที่ โดยเฉพาะนายปรีดี ที่เคยเป็นประธานสมาคมธนาคารไทย และอยู่ในกกร.มาก่อน เชื่อว่าจะร่วมมือกับภาคเอกชนขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ ได้ดี แต่คงต้องให้เวลาสักระยะเพื่อให้ทีมเศรษฐกิจชุดใหม่พิสูจน์ฝีมือ

 นายสนั่น อังอุบลกุล รองประธานกรรมกานหอการค้าไทยอละสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สิ่งที่ครม.ใหม่ต้องเร่งทำคือ การช่วยเหลือเอสเอ็ม อีที่มีปัญหาสภาพคล่องทางการเงิน โดยต้องรีบต่อลมหายใจเอสเอ็มอีก่อนเดือนต.ค.ที่มาตรการผ่อนผันการชำระหนี้จะหมดลง ไม่เช่นนั้น เอสเอ็มอีจะล้มหายไปอีก ส่วนการกระตุ้นเศรษฐกิจนั้น ขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณที่ดีมากนัก เพราะโควิด-19 จะหวังพึ่งการส่งออกก็คงยาก เพราะปีนี้มูลค่าส่งออกคงติดลบ 10% ขณะที่การท่องเที่ยวก็แย่ สิ่งที่จะทำได้คือ การกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ โดยเฉพาะการสร้างงาน โดยรัฐบาลต้องเร่งโครงการลงทุนต่างๆ ซึ่งนอกจากจะช่วยเรื่องต้างงานแล้ว จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ระดับหนึ่ง นอกจากนี้ อยากให้รัฐบาลต่อมาตรการพักชำระหนี้และมาตรการช่วยเหลือคนว่างงานออกไปอีก เพื่อพยุงแรงงานให้อยู่รอดได้