เลือก 5 กลิ่น 5 ประเภทน้ำหอม ให้เหมาะเป็นของขวัญปีใหม่

ในช่วงเทศกาลปีใหม่ ที่ต้องเลือกสรรของขวัญสำหรับ “ผู้หลักผู้ใหญ่ หรือ คนที่คุณรัก หรือแอบหลงใหล” น้ำหอมถือเป็น ตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ และบ่งบอกความมีเสน่ห์ได้อย่างดีทีเดียว

แต่การเลือกน้ำหอมให้ถูกใจผู้ให้และผู้รับนั้น นอกเหนือจากการเลือกให้เหมาะกับบุคคลิกของคนรับ เช่น สาวหวาน ที่ควรเป็นกลิ่นหอมแนวฟลอรัล เหมือนอยู่กลางทุ่งดอกไม้  หรืออาจจะมีกลิ่นซิตรัส เลมอน ให้ความหวานแบบสดใสเพิ่มขึ้น

สาวเรียบหรู ดูคลาสสิค ชอบความเพอร์เฟกต์ เป๊ะ มีระดับ น้ำหอมควรเป็นกลิ่นสะอาดๆ ที่แฝงกลิ่นดอกไม้สดชื่น เช่นดอกกุหลาบ ไอริส มะลิ ลิลลี่ ฯลฯ 

ส่วนสาวอารมณ์ดี ชอบความสบายๆ ความสนุกสนานได้ตลอดเวลา น้ำหอมกลิ่นสดชื่น แฝงความป่านิดๆ ให้กลิ่นแบบอโรมาติก น่าจะเหมาะสม

มาถึงสาวเซ็กซี่ ควรเลือกน้ำหอมกลิ่นซับซ้อน น่าค้นหา อย่างกลิ่นเครื่องเทศ/แอมเบอร์ กลิ่นป่า แฝงด้วยกลิ่นดอกไม้ควบคู่ไปด้วย

ขณะที่คุณผู้ชายนั้น น้ำหอมกลิ่นสะอาด สปอร์ตๆ น่าจะเป็นทางเลือกกลางๆ ที่สุดที่ควรหาซื้อให้เป็นของกำนัล

และนอกเหนือจากกลิ่นที่ถูกใจแล้ว ประเภทของน้ำหอมและความติดทนนานเป็นอีกอย่างหนึ่งที่ ควรรู้ในการเลือกซื้อน้ำหอม  มาเรียนรู้ 5 ประเภทน้ำหอม ตามหลักของประเทศฝรั่งเศส ซึ่งเป็นต้นตำรับน้ำหอมของโลกกัน

        Eau de Parfum (โอ เดอ ปาฟูม) (EDP)

น้ำหอมประเภท Eau de Parfum (โอ เดอ ปาฟูม) เป็นน้ำหอมในกลุ่มที่สาวๆ นิยมที่สุด และส่วนใหญ่ราคาจะสูงกว่าน้ำหอมที่ขายกันทั่วไป น้ำหอมแบรนด์เนมดังๆ ส่วนใหญ่จะเลือกผลิตน้ำหอมประเภทนี้ เพราะติดทนติดนานกว่าน้ำหอมประเภทอื่น โดย Eau de Parfum จะมีหัวน้ำหอมผสมอยู่ที่ราว 15%-20%  และกลิ่นจะติดตัวได้ประมาณ 6-10 ชั่วโมง เรียกว่า ฉีดตั้งแต่เช้า สามารถอยู่ได้ถึงปาร์ตี้ตอนค่ำกันเลยทีเดียว

        Eau de Toilette (โอ เดอ ตัวแล้ท) (EDT)

เป็นน้ำหอมประเภทที่เราจะพบเห็นได้บ่อยที่สุดตามเคาท์เตอร์ขายน้ำหอม และยังเป็นประเภทน้ำหอมที่ส่วนใหญ่เรามักออกเสียงเรียกกันว่า “ท็อยเหล็ท” (Toilet) ซึ่งจริงๆ แล้ว ไม่ได้เกี่ยว“อะไรกับ “ห้องสุขา” ในภาษาอังกฤษ แต่อย่างไร แต่อย่างที่บอกไว้ตอนต้น ว่าต้นตำรับน้ำหอม จะออกเสียงตามภาษาต้นทางคือ ฝรั่งเศส ซึ่งคำนี้ออกเสียว่า“ตัวแล้ท” (Toilette)  ซึ่งแปลว่า น้ำหอมที่เอาไว้ใช้ในการตกแต่งตัวหลังอาบน้ำ 

น้ำหอมประเภท Eau de Toilette จะมีหัวน้ำหอมผสมอยู่ประมาณ 5%-15% กลิ่นติดอยู่บนตัวเราได้ประมาณ 3-5 ชั่วโมง 

        Eau de Cologne (โอ เดอ โคโลญจน์) (EDC)

เรามักเรียกน้ำหอมประเทภนี้ สั้นๆว่า โคโลญจน์  และเป็นกลุ่มน้ำหอมที่บ้านเรายิยมใช้มาตั้งแต่รุ่นคุณคุณยายน้ำหอมประเภทนี้จะมีหัวน้ำหอมประมาณ 2%-4% กลิ่นของโคโลญจน์ประมาณ 2-3 ชั่วโมง จากนั้นกลิ่นก็จะจางหายไป

        Eau Fraiche (โอ แฟร้ช)

เป็นน้ำหอมประเภทที่เจือจางที่สุด โดยมีส่วนผสมของน้ำมันหัวน้ำหอมแค่ 1%-3% เท่านั้น ที่เหลืออีก 97% จะเป็นแอลกอฮอล์กับน้ำ น้ำหอมประเภทนี้จึงมีกลิ่นค่อนข้างอ่อน และอยู่บนตัวไม่ทนนักประมาณ 1 ชั่วโมง กลิ่นของน้ำหอมแบบ Eau Fraiche ก็จะหายไปจนเกือบหมด ส่วนใหญ่จะใช้เป็นน้ำหอมของเด็กสาว หรือใช้สำหรับปรับอากาศในพื้นที่ต้องการความสดชื่นเป็นพิเศษ

         Parfum (ปาฟูมหรือ Perfume (เพอร์ฟูม)

ท้ายที่สุด คือ ปาฟูม หรือ เพอร์ฟูม หรือที่เรียกกันว่า “หัวน้ำหอมเข้มข้น”  มีเนื้อสัมผัสที่ “มันวาว” มากกว่าน้ำหอมชนิดอื่นๆ เพราะน้ำมันหัวน้ำหอมประมาณ 20%-40% ผสมอยู่ และด้วยความเข้มข้นที่มากขนาดนี้มันจึงมีราคาที่แพงกว่าน้ำหอมประเภทอื่น และกลิ่นจะอยู่ติดตัวเราได้ทนกว่า โดยอาจจะติดตัวได้นานถึง 12-24 ชั่วโมง แต่น้ำหอมประเภทนี้ไม่ค่อยมีขายแพร่หลายนัก จะมีเฉพาะบางยี่ห้อเท่านั้นที่ทำ หลายคนจึงมีสับสนกับ Eau de Parfum (โอ เดอปาฟูม) ซึ่งจริงๆ แล้วเป็นน้ำหอมคนละประเทเภทกัน

หวังว่า ใครที่กำลังให้ความสนใจ เลือก “น้ำหอม” เป็นของขวัญของกำนัลในวันปีใหม่ ทั้งกับคุณผู้ชาย และคุณผู้หญิงจะมีทางเลือกได้มากขึ้น เพื่อให้ได้น้ำหอมที่ถูกใจทั้งคนให้และคนรับ