เพื่อไทยไม่ขัดใครจะอยากเป็นประธานกรรมาธิการแก้รัฐธรรมนูญขอแค่จริงใจ

  • อย่าเข้ามาเป็นเพื่อขอซื้อเวลาเท่านั้น
  • ด้าน “โภคิณ” ไม่ขอแย่งตำแหน่งกับใคร
  • แค่อยากช่วยหากติกาใหม่ให้ประชาชน

นายโภคิน พลกุล ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคด้านนโยบายและแผนงาน พรรคเพื่อไทยและนายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย ร่วมกันแถลงเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญและกรณีตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาแนวทาง หลักเกณฑ์และวิธีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ 2560 โดยนายโภคิน กล่าวว่าเรื่องหลักการแก้ไขรัฐธรรมนูญ คือความตั้งใจที่มีความสำคัญมากกว่าการตั้งใครมาเป็นประธาน หรือคณะกรรมาธิการฯ ซึ่งที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยเคยชี้ให้เห็นถึงปัญหาของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ เพราะหากกติกาไม่ดี ไม่ว่าจะเดินประเทศไปในมิติใดก็ไม่มีทางสำเร็จ เพราะรัฐธรรมนูญคือกติกา คือสิ่งที่ต้องเดินหน้าแก้ไขร่วมกัน  ยิ่งในรัฐธรรมนูญฉบับนี้กำหนดไว้ให้แก้ไขได้ยาก ที่ไม่ว่าใครก็แก้รัฐธรรมนูญนี้ไม่ได้ แต่ทุกฝ่ายจะต้องร่วมกันแก้โดยให้ความเห็นชอบ 

“รัฐธรรมนูญฉบับนี้แตกต่างจากรัฐธรรมนูญปี 2540 ที่เป็นฉบับของประชาชนอย่างแท้จริง จึงเห็นควรให้ตั้งกรรมาธิการศึกษาแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ส่วนนี้ขึ้นมา ซึ่งเน้นต้องศึกษารายละเอียดรายมาตราที่เป็นปัญหา ส่วนจะต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญในประเด็นใดบ้าง หลักการคือจะต้องแก้ให้การดำเนินการต่าง ๆ เป็นไปได้โดยไม่มีข้อจำกัด และฝ่ายค้านเสนอให้ตั้งกรรมาธิการเพื่อให้รีบเดินหน้าแก้ไข และอยากให้กรรมาธิการศึกษาปัญหาต่าง ๆแต่ละมาตราที่เป็นประเด็นและสร้างปัญหาในขณะนี้ รวมทั้งเห็นว่าประเทศไทยควรมีโรดแมปที่เป็นกติการ่วมกันที่ทุกคนเคารพกติกานี้ร่วมกัน” นายโภคิน กล่าว

เมื่อถามว่า หากมีคนเสนอชื่อนายโภคินจะรับตำแหน่งประธานกรรมาธิการฯหรือไม่ นายโภคิน กล่าวว่า ตำแหน่งประธานเป็นเพียงเรื่องรอง แต่แนวคิดของทุกคนที่จะร่วมกันแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อเดินหน้าประเทศ ไม่ได้มีความต้องการแก่งแย่งกับใคร เพียงแค่อยากทำงานให้ประชาชน เพื่อหากติกาใหม่ที่มาจากประชาชนและเห็นชอบจากประชาชน  ซึ่งต้องแล้วแต่มติส่วนรวม สิ่งสำคัญทุกคนต้องสร้างกติกาใหม่เป็นกติการ่วมกัน ประเทศจะสามารถก้าวออกจากกับดักได้

ส่วนกระแสรายชื่อคนนอก อาทิ นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ  อดีตประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) ซึ่งเคยร่างรัฐธรรมนูญมาก่อนจะเหมาะสมหรือไม่ นายโภคิน กล่าวว่า เป็นใครก็ได้ ขอแค่มีความจริงใจและตั้งใจมาแก้รัฐธรรมนูญร่วมกัน ซึ่งหากเป็นคนที่เคยร่างรัฐธรรมนูญมาก่อนถือว่าเป็นเรื่องดี เพื่อจะได้มาหาแนวทางร่วมกันจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และอยากขอความจริงใจกรรมาธิการฯ ศึกษาเพื่อแก้ปัญหาและกำหนดกติกาใหม่ร่วมกันที่มาจากความต้องการของประชาชน ไม่ใช่การตั้งกรรมาธิการเพื่อซื้อเวลาให้หมดวาระแล้วยังไม่แก้ไขเรื่องใดที่เป็นรูปธรรม

นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในฐานะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทยด้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า สัดส่วนของกรรมาธิการศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญชุดนี้มีทั้งสิ้น 49 คน แบ่งเป็นคณะรัฐมนตรี 12 พรรคร่วมรัฐบาล18 คน รวมเป็นฝ่ายรัฐบาล 30 ขณะที่ฝ่ายค้าน19 คนเป็นพรรคเพื่อไทย 10 คนโดยมี 3 คนจากส่วนกลางได้แก่ นายโภคิน ประกอบด้วย ส่วนกลาง 3 คน คือนายโภคิณ นายวัฒนา และนายพงศกร อรรณนพพร อดีตส.ส.ขอนแก่น และสัดส่วนตามภาคอีก 7 คน จากส.ส.รายภาคโดยให้ไปคัดเลือกตามความเหมาะสม ด้วยการโชว์วิสัยทัศน์ เพื่อรับฟังเสียงของประชาชน แต่รายชื่อกรรมาธิการในแต่ละภาคของพรรคขณะนี้ยังไม่ได้สรุปชื่อ

“ความสำคัญของกรรมาธิการเป็นกระบวนการรับฟังเสียงประชาชน หากผลการศึกษาพบว่ารัฐธรรมนูญมีปัญหาจะส่งเรื่องต่อไปยังสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา ส่วนกรณีที่ส.ว.บางคนแสดงความเห็นไม่สนับสนุนให้แก้ไขมีเพียงบางคนเท่านั้น ที่เหลือยังไม่ได้แสดงความเห็น ซึ่งเสียงส่วนใหญ่ของสภาผู้แทนราษฎรว่าอย่างไร คือเสียงสะท้อนจากประชาชน ขณะที่การแก้รัฐธรรมนูญที่ดีที่สุดคือให้อำนาจประชาชน ผ่านกระบวนการตั้ง สมาชิกสภาร่งรัฐธรรมนูญ (สสร.) เพื่อลดความขัดเเย้งลงได้  ซึ่งการแก้ไขต้องใช้เวลาหากไม่เริ่มทำวันนี้ ก็ไม่ทันการเลือกตั้งครั้งหน้า ซึ่งจะทำให้ได้รัฐบาลที่ไม่มีเสถียรภาพเหมือนเดิม” นายวัฒนา กล่าว