เปิดโจทย์หิน “วีริศ”ผู้ว่ากนอ.คนใหม่

  • ประกาศพร้อมทำ6แผนงานเร่งด่วน
  • ดึงดูดนักลงทุนท่ัวโลกเข้ามาในไทย
  • ทำแผนลดความเสี่ยงแต่ละสถาการณ์

นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยถึงนโยบายการดำเนินงาน ของกนอ.ว่า ได้แบ่งเป็น 6 กลุ่มใหญ่ประกอบด้วย 1. เร่งดึงดูดการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรม ให้เพิ่มมากขึ้น โดยจะใช้ทั้งมาตรการการตลาดและมาตรการเชิงรุกออกไปหารือกับนักลงทุนโดยตรง รวมทั้งเร่งสื่อสารทางการตลาดประชาสัมพันธ์ให้ข้อมูลศักยภาพของนิคมอุตสาหกรรม แก่นักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศให้มากขึ้น

2.เร่งดำเนินโครงการสมาร์ท ปาร์ค และเร่งรัดโครงการท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 ซึ่งเป็นท่าเรืออุตสาหกรรมขนส่งก๊าซธรรมชาติ และพัฒนาอุตสาหกรรม ปิโตรเคมีชั้นสูงที่สำคัญ โดยทั้ง 2 โครงการนี้ ถือได้ว่าเป็นโครงการหลักที่สำคัญในการพัฒนาพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(อีอีซี) ในส่วนของโครงการนิคมอุตสาหกรรมในเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน (SEZ)ที่ เป็นโครงการส่งเสริมเศรษฐกิจในพื้นที่ชายแดน โดยเฉพาะนิคมฯ ชายแดนที่อยู่ในความรับผิดชอบของ กนอ. ได้แก่ นิคมฯ สระแก้ว นิคมฯ สงขลา ต้องเร่งดำเนินการดึงดูดการลงทุนให้เป็นไปตามเป้าหมาย และจัดทำแผนการตลาดที่เหมาะสม

3.แผนลดความเสี่ยงที่จะกระทบต่อการดำเนินกิจการในนิคมฯ โดยเฉพาะการลดความเสี่ยงจากการขาดแคลนน้ำและพลังงาน ท่ี ต้องมีเพียงพอทั้งในปัจจุบันและอนาคต โดยคำนึงถึงสถานการณ์ที่มีความเสี่ยงต่างๆ เช่น การจัดทำแผนงานและแนวทางการบริหารแหล่งน้ำดิบ ให้เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้า การหาและสร้างระบบจัดเก็บแหล่งน้ำดิบ สำรอง การส่งเสริมระบบบำบัดน้ำเสียเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ (Water Recycle) และการทำน้ำทะเลให้เป็นน้ำจืด เป็นต้น โดยบางส่วนที่ กนอ.ดำเนินการเองได้ ก็จะเร่งผลักดันอย่างเต็มที่ แต่บางมาตรการอาจต้องใช้เงินลงทุนสูงก็มีแผนที่จะร่วมมือกับบริษัทพันธมิตรที่เชี่ยวชาญเรื่องน้ำเข้ามาร่วมลงทุน รวมทั้งการจัดหาพลังงานทางเลือก เช่น การผลิตไฟฟ้าจาก Solar Floating หรือการผลิตไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์บนทุ่นลอยน้ำ ซึ่งเดิมมีการดำเนินการไปแล้ว แต่จะทำให้ยั่งยืนขึ้นด้วยการเปลี่ยนวัสดุที่สามารถแช่น้ำได้นานเป็น 10 ปี

4.เรื่อง สิ่งแวดล้อม ได้มีแผนจัดหามาตรการสิทธิประโยชน์สนับสนุน ให้กับโรงงานที่มีการลงทุนด้านสิ่งแวดล้อม โดยจะเข้าไปหารือกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กรมสรรพากร และกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อจัดทำสิทธิประโยชน์ให้กับโรงงานที่ได้มาตรฐานในระดับสูง ส่วนโรงงานที่ดำเนินการไม่ถูกต้องและปล่อยมลพิษสู่สิ่งแวดล้อมจะต้องมีมาตรการกำกับดูแลที่ชัดเจน

5.แผนการสร้างความก้าวหน้าและเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับ กนอ. ในธุรกิจใหม่ๆ (New Business) เช่น การตั้งบริษัทลูก หรือร่วมทุนในธุรกิจใหม่ๆ เป็นการเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ และเป็นการบริหารสินทรัพย์และบุคลากรให้มีประสิทธิภาพและคล่องตัวมากขึ้น โดยสามารถขยายไปสู่การผลักดันให้บริษัทลูกเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ เพื่อให้เกิดการระดมทุนและพัฒนาธุรกิจใหม่ๆ ให้เติบโตอย่างรวดเร็ว สร้างรายได้ระยะยาวให้กับ กนอ.

6.พัฒนาบุคลากรโดยการเสริมศักยภาพด้านต่างๆ เช่น แผนการพัฒนาศักยภาพพนักงานของ กนอ. ให้มีศักยภาพเพิ่มในทุกด้าน โดยเฉพาะด้านไอที ระบบดิจิทัล และแพลตฟอร์มใหม่ๆ ที่ เป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยี รวมทั้งการพัฒนาด้านภาษาให้กับพนักงาน ที่ต้องสื่อสารภาษาที่ 3 ได้ นอกจาก ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เพราะนักลงทุนในนิคมฯ มาจากต่างชาติทั่วโลก

“หากมีทักษะทางภาษาที่ดี ก็จะช่วย ยกระดับการให้บริการที่ดีขึ้น โดยมีแผนที่จะจัดฝึกอบรม ออนไลน์ ให้พนักงานพัฒนาศักยภาพของตัวเอง และส่งไปฝึกอบรม นอกองค์กร รวมทั้งจะมีมาตรการอุดหนุนที่เหมาะสม ให้เหมาะสมกับศักยภาพที่เพิ่มขึ้น เพื่อเป็นแรงจูงใจให้กับพนักงานใน การพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง”