เปิดเบื้องลึก…เจ้าสัวธนินท์ทุ่มแหลกซื้อกิจการโลตัส 338,800 ล้านบาท

เปิดเบื้องลึก…เจ้าสัวธนินท์ทุ่มแหลกซื้อกิจการเทสโก้ โลตัส มูลค่า 338,800 ล้านบาท โดยจะนำเงิน 5,000 ล้านปอนด์ คืนให้กับผู้ถือหุ้น

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า “เทสโก้” ผู้ค้าปลีกรายใหญ่ที่สุดของประเทศอังกฤษ เปิดเผยในแถลงการณ์ของ “เดฟ เลวิส หัวหน้าผู้บริหารของเทสโก้ว่า ว่าได้บรรลุข้อตกลงขายกิจการค้่าปลีกของเทสโก้ในประเทศไทยและมาเลเซียให้กับเครือเจริญโภคภัณฑ์หรือซีพีกรุ๊ปในราคา 8,000 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 338,800 ล้านบาท (อัตราแลกเปลี่ยน 41.35 บาทต่อ 1 ปอนด์) โดยจะนำเงิน 5,000 ล้านปอนด์หรือราว 206,750 ล้านบาท คืนให้กับผู้ถือหุ้น ตามกระบวนการต่อไป

ทางด้านซีพีกรุ๊ป ได้ออกแถลงการณ์ ว่า CP Retail Development ประกาศเข้าลงทุนใน Tesco Lotus Thailand และ Malaysia โดย CPALL , บริษัทเจริญโภคภัณฑ์โฮลดิ้ง และซี พี เมอร์แชนไดซิ่ง (บริษัทย่อยของ CPF) จะถือหุ้นใน CP Retail Holding ในสัดส่วน 40%, 40% และ 20% ตามลำดับ และ CP Retail Holding จะถือหุ้น 100% ใน CP Retail Development มูลค่าเงินลงทุนของ CPALL ไม่เกิน 9.5 หมื่นล้านบาท CPF ไม่เกิน 4.78 หมื่นล้านบาท

ทั้งนี้เป็นที่ทราบกันดีว่า นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานซีพีกรุ๊ป มีความปรารถนาอยากได้เทสโก้โลตัสกลับมาอยู่ภายใต้อาณาจักรซีพีอีกครั้ง หลังจากเป็นผู้ริเริ่มก่อตั้งซันนี่ซูเปอร์มาร์เก็ต และปรับรูปแบบมาเป็นโลตัส ซูเปอร์เซ็นเตอร์และต่อมาได้ชักชวนกลุ่มเทสโก้เข้ามาร่วมลงทุนในประเทศไทย ปรับธุรกิจเป็น “เทสโก้ โลตัส”

อย่างไรก็ตามเมื่อเกิดวิกฤตการณ์ต้มยำกุ้งในปี 2540 ธุรกิจของคนไทยถูกกระทบอย่างหนัก ไม่เว้นอาณาจักรของซีพี จึงจำเป็นต้องขายหุ้นให้เทสโก้ ซึ่งนายธนินท์ได้เคยกล่าวไว้ถึงเร่ืองนี้ว่า “ผมเอาลูกไปฝากคนอื่นเขาเลี้ยง” หมายถึงว่าต้องเอาคืนสักวัน

ด้านคณะกรรมการบริษัทเจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ “ซีพีเอฟ” มีมติอนุมัติให้บริษัท ซี.พี. เมอร์แชนไดซิ่ง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ซีพีเอฟถือหุ้นทั้งหมด (“CPM”) ลงทุนเพื่อให้ได้มาซึ่งหุ้นหรือผลประโยชน์การลงทุน (economic interest) ในสัดส่วนไม่เกินร้อยละ 20 ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของกลุ่มเทสโก้เอเชีย ซึ่งประกอบธุรกิจค้าปลีกภายใต้เครื่องหมายการค้า Tesco Lotus ในประเทศไทยและประเทศมาเลเซีย โดยมูลค่าเงินลงทุนของ CPM ในบริษัทโฮลดิ้งเพื่อธุรกรรมการลงทุนในกลุ่มเทสโก้เอเชียมีมูลค่าประมาณ 1,500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ( หรือเท่ากับประมาณ 47,991ล้านบาท)

นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร ซีพีเอฟ กล่าวว่า ซีพีเอฟมีความสนใจในการเข้าร่วมลงทุนในเทสโก้เอเซีย เนื่องจากเป็นการต่อยอด Value Chain ของช่องทางการขายสินค้าของบริษัททั้งในประเทศไทยและประเทศมาเลเซียและเป็นการเพิ่มทางเลือกที่หลากหลายให้แก่ผู้บริโภค  ด้วยซีพีเอฟมีแนวทางในการปรับรูปแบบของการค้าเนื้อสัตว์ให้ผ่านช่องทางที่ทันสมัยสอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคมากขึ้น บริษัทจึงมั่นใจว่าการลงทุนในครั้งนี้เป็นโอกาสดีในการที่จะทำให้ผู้บริโภคในประเทศไทยและมาเลเซียมีทางเลือกในการบริโภคเพิ่มขึ้นในตลาดที่มีการแข่งขันสูงอยู่แล้ว

การเข้าร่วมลงทุนครั้งนี้ ทำให้ยอดขายทั้งของเทสโก้และซีพีเอฟเพิ่มมากขึ้น และเนื่องจากเทสโก้เอเซียเป็นบริษัทที่มีผลการดำเนินงานที่ดีมาอย่างต่อเนื่อง ผู้บริหารและทีมงานมีความเชี่ยวชาญในธุรกิจ มีความสามารถในการปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป เชื่อว่าการผนึกกำลังกับเทสโก้เอเซียน่าจะส่งผลเสริมให้ผลการดำเนินงานที่ดีอยู่แล้วนั้นดียิ่งขึ้นได้อีก

ทั้งนี้ รายการลงทุนดังกล่าวจะเกิดขึ้นเมื่อเงื่อนไขบังคับก่อนตามที่กำหนดไว้สำเร็จครบถ้วน ซึ่งรวมถึงการได้รับมติที่ประชุมผู้ถือหุ้นของ Tesco UK สำหรับการขายหุ้นในกลุ่มเทสโก้เอเชีย สำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้าอนุญาตให้ทำรายการ (หากต้องมีการขออนุญาต) และได้รับอนุญาตจาก Ministry of Domestic Trade and Consumers Affairs of Malaysia ทำรายการในประเทศมาเลเซีย โดยคาดว่าการเข้าทำรายการน่าจะเสร็จสิ้นภายในสิ้นปี 2563 นี้