เปิดมติบอร์ดกสทช.นัดพิเศษละเอียดหยิบ ประชุมมาราธอน 11 ชั่วโมง ไฟเขียวควบรวบ “ทรู-ดีแทค”

  • กสทช. มีมติเสียงข้างมากรับทราบการควบรวม ทรู – ดีแทค
  • พร้อมกาหนดเงื่อนไข/มาตรการเฉพาะ
  • เพื่อการคุ้มครอง ผู้บริโภคและการพัฒนากิจการโทรคมนาคม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  วันที่ 20 ต.ค. 2565 ที่ประชุม กสทช. ได้พิจารณาการรวมธุรกิจระหว่างบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จากัด (มหาชน) และบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จากัด (มหาชน) โดยกรณีการรวมธุรกิจดังกล่าว เป็นเรื่องละเอียดอ่อน และมีผลกระทบต่อสาธารณะ กสทช. ทุกท่านจึงได้ใช้เวลาในการศึกษาข้อมูลทุกด้านอย่างละเอียดรอบคอบ ซึ่งในวันนี้ ที่ประชุม กสทช. ได้มีการหารือ อภิปราย รวมถึงแสดงความคิดเห็นในการพิจารณาร่วมกันในทุกๆ ด้าน โดยใช้เวลาในการ ประชุมประมาณ 11 ชั่วโมง จากนั้นที่ประชุม กสทช. จึงได้มีมติเสียงข้างมากรับทราบการรวมธุรกิจระหว่างบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จากัด (มหาชน) และบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จากัด (มหาชน) ส่วนเสียงข้างน้อยขอสงวน ความเห็น ไม่อนุญาตการรวมธุรกิจ และที่ประชุม กสทช. ได้มีมติ ดังนี้ 

มติที่ประชุม 

1. ที่ประชุมเห็นชอบประเด็นการพิจารณาว่าการรวมธุรกิจกรณีนี้เป็นการถือครองธุรกิจในบริการ ประเภทเดียวกับตามข้อ 8 ของประกาศ กทช. เรื่อง มาตรการเพื่อป้องกันมิให้มีการกระทาอัน เป็นการผูกขาดหรือก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมในการแข่งขันในกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2549 โดยนัยของผลตามข้อ 9  ของประกาศ กสทช. เรื่อง มาตรการกากับดูแลการรวมธุรกิจ ในกิจการโทรคมนาคม และให้พิจารณาดาเนินการตามประกาศฉบับปี 2561 หรือไม่ โดยมีผล ของการลงมติดังนี้ 

ที่ประชุมเสียงข้างมาก (ประธาน กสทช. และ กสทช. ต่อพงศ์ฯ) มีมติเห็นว่าการรวมธุรกิจใน กรณีนี้ ไม่เป็น การถือครองธุรกิจในบริการประเภทเดียวกันตามข้อ 8 ของประกาศ กทช. เรื่อง มาตรการเพื่อป้องกันมิให้มีการกระทาอันเป็นการผูกขาดหรือก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมในการ แข่งขันในกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2549 (ประกาศฉบับปี 2549 ) โดยนัยของผลตามข้อ 9 ของประกาศ กสทช. เรื่อง มาตรการกากับดูแลการรวมธุรกิจในกิจการโทรคมนาคม (ประกาศ ฉบับปี 2561 ) และให้พิจารณาดาเนินการตามประกาศฉบับปี 2561 โดยรับทราบการรวม ธุรกิจและเมื่อ กสทช. ได้รับรายงานการรวมธุรกิจแล้ว กสทช. มีอานาจกาหนดเงื่อนไข/ มาตรการเฉพาะตามข้อ 12 ของประกาศฉบับปี 2561

ที่ประชุมเสียงข้างน้อย (กสทช. รองศาสตราจารย์ ดร. ศุภัชฯ และ กสทช. ศาสตราจารย์ ดร. พิรงรองฯ) มีมติเห็นว่ากรณีนี้เป็นการถือครองธุรกิจในบริการประเภทเดียวกันและให้พิจารณา ดาเนินการพิจารณาตามข้อ 8 ของประกาศ กทช. เรื่อง มาตรการเพื่อป้องกันมิให้มีการกระทา อันเป็นการผูกขาดหรือก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมในการแข่งขันในกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2549  โดย กสทช. อาจสั่งห้ามการถือครองกิจการหรือกาหนดมาตรการเฉพาะตามหมวด 4  ของประกาศดังกล่าว 

กสทช. พลอากาศโท ดร. ธนพันธุ์ฯ ของดออกเสียง เนื่องจากยังมีประเด็นปัญหาการตีความใน แง่กฎหมายจึงยังไม่สามารถพิจารณาได้อย่างชัดเจนจึงของดออกเสียง โดยจะขอทาบันทึกใน ภายหลัง
อนึ่ง เนื่องจากการลงมติที่ประชุมดังกล่าวข้างต้นมีคะแนนเสียงเท่ากัน ดังนั้น ประธานที่ประชุม ได้ใช้อานาจตามข้อ 41 ของระเบียบ กสทช. ว่าด้วยข้อบังคับการประชุม กสทช. พ.ศ. 2555 ออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งเสียงเป็นเสียงชี้ขาด 

2. ที่ประชุมพิจารณาข้อกังวล (Point of concern) จำนวน 5 ข้อ และเห็นชอบ เงื่อนไขหรือมาตรการเฉพาะดังนี้
2.1 ข้อกังวลเรื่องอัตราค่าบริการและสัญญาการให้บริการ มีเงื่อนไขหรือมาตรการเฉพาะ ดังนี้ 

1 การกาหนดเพดานราคาของอัตราค่าบริการเฉลี่ย
ก. อัตราค่าบริการเฉลี่ยลดลงร้อยละ 12 โดยใช้วิธีการเฉลี่ยราคาใหม่ ด้วยการถ่วงน้ำหนักตามจานวนผู้ใช้บริการในแต่ละรายการส่งเสริมการขาย (WEIGHTED

AVERAGE) ภายใน 90 วันหลังจากมีการควบรวม)
ข. ให้มีทางเลือกของราคาที่แยกรายบริการเพื่อให้เป็นทางเลือก
ค. ให้นาส่งข้อมูลต้นทุนและข้อมูลที่จาเป็นโดยให้มีหน่วยงานตรวจสอบ
ง. ให้ผู้แจ้งการรวมธุรกิจประกาศให้ผู้ใช้บริการรับทราบ เพื่อมีการตรวจสอบและมี

บทลงโทษกรณีทาไม่ได้ เช่น ปรับเป็นจานวนร้อยละของรายได้ หรือปรับเป็น ขั้นบันได และเพิกถอนใบอนุญาต
2) การกาหนดราคาค่าบริการ โดยใช้ราคาเฉลี่ยทางเศรษฐศาสตร์ (Average Cost Pricing)
ก. ให้นาส่งข้อมูลตามประกาศ กสทช. เรื่องหลักเกณฑ์และวิธีการจัดทารายงานบัญชี แยกประเภทในกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2564 ให้ครบถ้วน โดยให้แยกรายละเอียด เป็นรายเดือน และนาส่งสานักงาน กสทช. ทุก 3 เดือน หรือเมื่อ กสทช. ร้องขอ เพื่อ ใช้ตรวจสอบโครงสร้างต้นทุน โครงสร้างอัตราค่าบริการ และนามาคานวณหาต้นทุน รวมเฉลี่ย ซึ่งเป็นราคาในตลาดที่มีการแข่งขัน (Average Cost Pricing) และต้นทุน ส่วนเพิ่ม (MC) ที่เป็นปัจจุบันและถูกต้อง

ข. จัดให้มีที่ปรึกษาที่มีประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญด้านการสอบทาน (Verify) ข้อมูล โครงสร้างต้นทุน อัตราค่าบริการ หรือข้อมูลด้านอัตราต่างๆ ของอุตสาหกรรม โทรคมนาคมในต่างประเทศมาไม่น้อยกว่า 5 ปี โดยให้ กสทช. เป็นผู้กาหนด และให้ ผู้ยื่นคาร้องรวมธุรกิจเป็นผู้รับผิดชอบภาระค่าใช้จ่ายทั้งปวงที่เกิดขึ้นจากการจัดหา และจัดจ้างที่ปรึกษา ทั้งนี้ ที่ปรึกษาจะต้องไม่มีความเกี่ยวข้อง เชื่อมโยง หรือมี ผลประโยชน์ทับซ้อนไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมกับผู้ยื่นคาร้องขอรวมธุรกิจ เพื่อสอบ ทาน (Verify) ความถูกต้องของข้อมูลตามข้อ (ก) ตรวจสอบโครงสร้างต้นทุน โครงสร้างอัตราค่าบริการ และนามาคานวณหาต้นทุนเฉลี่ย (AC) และต้นทุนส่วนเพิ่ม (MC) ที่ถูกต้องของแต่ละรายบริการ เช่น บริการเสียง บริการข้อมูล บริการส่ง ข้อความ เป็นต้น เมื่อมีการรวมธุรกิจให้แล้วเสร็จภายใน 1 เดือน 

ค. จัดให้มีที่ปรึกษาที่มีประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญเช่นเดียวกับข้อ (ข) เพื่อทาหน้าที่ สอบทาน (Verify) ความถูกต้องของข้อมูลตามข้อ (ก) ตรวจสอบโครงสร้างต้นทุน โครงสร้างอัตราค่าบริการ และนามาคานวณหาต้นทุนเฉลี่ย (AC) และต้นทุนส่วนเพิ่ม (MC) ที่ถูกต้องและเป็นปัจจุบันของแต่ละรายบริการ เช่น บริการเสียง บริการข้อมูล บริการส่งข้อความ เป็นต้น ปีละ 4  ครั้ง (รายไตรมาส) โดยต้องจัดให้มีที่ปรึกษาเป็น ระยะเวลาไม่น้อยกว่า 10 ปี หรือตลอดระยะเวลาอายุใบอนุญาตสิ้นสุดลงในกรณีที่ อายุใบอนุญาตน้อยกว่า 10 ปี โดยให้ กสทช. เป็นผู้กาหนด และให้ผู้ยื่นคาร้องรวม ธุรกิจเป็นผู้รับผิดชอบภาระค่าใช้จ่ายทั้งปวงที่เกิดขึ้นจากการจัดหาและจัดจ้างที่ ปรึกษา ทั้งนี้ ที่ปรึกษาจะต้องไม่มีความเกี่ยวข้อง เชื่อมโยง หรือมีผลประโยชน์ทับ ซ้อนไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมกับผู้ยื่นคาร้องขอรวมธุรกิจ 

ง. จะต้องมีการกาหนดและแสดงอัตราค่าบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่แยกตามรายบริการ (Unbundle) เช่น บริการเสียง บริการข้อมูล บริการส่งข้อความ เป็นต้น หรือการ ส่งเสริม การขายแบบแยกรายบริการ (Unbundle Package) เพื่อให้ผู้ใช้บริการ ปลายทางได้รับทราบก่อน โดยให้กาหนดอัตราค่าบริการตามต้นทุนเฉลี่ยรายบริการ (Average Cost Pricing) โดยคิดราคาตามที่มีการใช้งานจริง โดยจะต้องไม่มีการ กาหนดการซื้อบริการขั้นต่าไว้ ทั้งนี้ การกาหนดอัตราตามต้นทุนเฉลี่ยรายบริการ (Average Cost Pricing) ให้นาไปใช้กับกรณีค่าบริการส่วนเกินที่เกิดขึ้นจากการใช้ บริการรายการส่งเสริมการขายแบบแยกรายบริการ (Unbundle Package) และการ ส่งเสริมการขายแบบรวมรายบริการ (Bundle Package) ด้วย 

จ. จะต้องจัดช่องทางการให้บริการที่สะดวก รวดเร็ว เข้าถึงง่าย ครอบคลุมและง่ายต่อ การเลือกซื้อ เปลี่ยนแปลง (เพิ่ม ลด) การใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ได้ตามความ ต้องการของผู้ใช้บริการปลายทาง โดยปราศจากข้อจากัด ทั้งนี้ ต้องแสดงรายละเอียด ของบริการ อัตราค่าบริการแยกตามรายบริการ หรืออัตราค่าบริการแบบส่งเสริมการ ขาย ตลอดจนวิธีการ เงื่อนไขการเลือกรับบริการไว้โดยชัดแจ้ง และเป็นปัจจุบัน 

3) การคงทางเลือกของผู้บริโภค การกาหนดให้บริษัท TUC และ บริษัท DTN ยังคงแบรนด์การให้บริการแยกจากกัน เป็นระยะเวลา 3  ปี 

4) สัญญาการให้บริการ บริษัท TUC และบริษัท DTN จะต้องคงไว้ซึ่งเงื่อนไขของ สัญญาและข้อตกลงระหว่างบริษัทและผู้ใช้บริการ รวมถึงผลประโยชน์ท่ีได้รับตามที่ ได้มีการทาสัญญาหรือข้อตกลงไว้ตามระยะเวลาที่กาหนดในสัญญา เว้นแต่เป็นการ เปลี่ยนแปลงเงื่อนไขของสัญญาที่เป็นคุณหรือเป็นประโยชน์และได้รับการยินยอมจาก ผู้ใช้บริการแล้ว 

5) การประชาสัมพันธ์การให้บริการเพื่อความเชื่อมั่นของผู้ใช้บริการ ภายหลังการ รวมธุรกิจ บริษัท TUC และบริษัท DTN จะต้องประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ข้อมูลต่อ สาธารณะ เพื่อให้ผู้ใช้บริการทราบถึงการคงไว้ซึ่งคุณภาพในการให้บริการและ ค่าบริการที่เป็นธรรม และจะต้องกาหนดแนวทางการปฏิบัติเพื่อรักษาคุณภาพของ สินค้าและบริการหลังการรวมธุรกิจ โดยสานักงาน กสทช. อาจกาหนดแนวทางและ ระยะเวลาการดาเนินการ รวมถึงเงื่อนไขในการปฏิบัติในเรื่องการประชาสัมพันธ์ เพื่อให้บริษัท TUC และบริษัท DTN ดาเนินการต่อไป 

2.2 ข้อกังวล อุปสรรคการเข้าสู่ตลาด – ขาดประสิทธิภาพการแข่งขัน และการสนับสนุน ผู้ประกอบการรายย่อย มีเงื่อนไขหรือมาตรการเฉพาะ ดังนี้
1) เงื่อนไขบังคับก่อน (Ex Ante) 

ก. ให้ผู้ยื่นคาร้องขอรวมธุรกิจจัดทาแผนการจัดให้มีผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบ โครงข่ายเสมือน (MVNO) โดยจะต้องมีรายละเอียด ดังนี้ (1) จัดให้มีหน่วยธุรกิจเพื่อให้บริการโครงข่ายแก่ผู้ให้บริการMVNOโดยมีการแยก ระบบการบริหารจัดการ ระบบบัญชี ออกจากหน่วยธุรกิจหลักที่เกิดขึ้นจากการ รวมธุรกิจในครั้งนี้
(2) จัดให้มีระบบการให้บริการโครงข่ายที่พร้อมรองรับการเข้าใช้บริการโครงข่าย สาหรับผู้ให้บริการ MVNO ภายหลังจากมีการรวมธุรกิจโดยทันที

อนึ่งการดาเนินการตาม (1) และ (2) จะต้องมีความพร้อมในการดาเนินงานทันที เมื่อเกิดการรวมธุรกิจ
ข. ให้ผู้ยื่นร้องขอรวมธุรกิจ ผู้รับใบอนุญาตจากการรวมธุรกิจ ตลอดจนบริษัทที่อยู่ภายใต้ อานาจควบคุม จัดให้มีแผนการแยกการบริหารจัดการ ระบบบัญชี สาหรับให้บริการ โครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่กับบริการโทรศัพท์เคลื่อน โดยให้เสนอแผนดังกล่าวต่อ กสทช. ก่อนการรวมธุรกิจ

2) มาตรการเฉพาะภายหลังการรวมธุรกิจ (Ex Post)

ก. ผู้รับใบอนุญาตที่เกิดขึ้นจากการรวมธุรกิจตลอดจนบริษัทย่อยที่อยู่ภายใต้การควบคุม ต้องดาเนินการให้ผู้รับใบอนุญาต MVNO สามารถใช้และเชื่อมต่อโครงข่ายกับผู้รับ ใบอนุญาตรายอื่นได้เช่นเดียวกับตนเอง 

ข. ผู้รับใบอนุญาตMVNOจะต้องได้รับสิทธิในการใช้บริการจากคลื่นความถี่ในทุกย่าน ของผู้รวมธุรกิจที่มีสิทธิในการใช้งานทั้งสิทธิทางตรงและสิทธิที่ได้รับช่วงมาภายใต้ มาตรฐานเทคโนโลยีเดียวกัน 

ค. การเข้าใช้บริการโครงข่ายสาหรับผู้รับใบอนุญาตMVNOจะต้องได้รับการประกัน สิทธิ ในการได้รับบริการภายใต้คุณภาพการให้บริการ (QoS) ตามมาตรฐานการ ให้บริการที่ กสทช. กาหนด 

ง. จะต้องไม่ปฏิเสธการให้บริการแก่ผู้ได้รับใบอนุญาต MVNO อันเกิดมาจากเหตุผล ความไม่เพียงพอของโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ หรือตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไขที่ กสทช. ก าหนด 

จ. จะต้องพร้อมให้ผู้รับใบอนุญาต MVNO ที่ขอเข้าใช้โครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ สามารถเริ่มให้บริการได้ภายใน 60 วันนับตั้งแต่วันที่ขอเข้าใช้บริการ 

ฉ. บริษัท TUC และ DTN จะต้องจัดให้มีบริการโครงข่ายโทรคมนาคม โดยมีขนาดความ จุ (Capacity) อย่างน้อยร้อยละ ๒๐ ของโครงข่ายโทรคมนาคมทั้งหมดของตนเอง ให้แก่ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบโครงข่ายเสมือนที่ไม่มีความเกี่ยวโยงกันกับ บริษัท TUC และ DTN เมื่อมีคาขอรับบริการดังกล่าว 

ช. อัตราค่าตอบแทนการขายส่งบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่สาหรับผู้ให้บริการ MVNO ให้ ไม่เกินอัตราค่าบริการที่เสนอขายเฉลี่ยต่อหน่วยของแต่ละบริการตามสิทธิการใช้ งานของทุกรายการส่งเสริมการขายหักด้วยอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ ๓๐ ของอัตรา ค่าบริการที่เสนอขายเฉลี่ยต่อหน่วยของราคาขายปลีกสาหรับบริการแบบส่งเสริม การขาย (Bundle Package) หรือราคาเฉลี่ยขายต่อหน่วยสาหรับรายบริการ (Unbundle) ที่มีการใช้งานจริง (เช่น เสียง ข้อมูล บริการข้อความ เป็นต้น) (retail – 30%) ที่ผู้รับใบอนุญาตหรือบริษัทย่อยที่อยู่ภายใต้อานาจควบคุมของนิติ บุคคลที่เกิดขึ้นจากการยื่นคาร้องขอรวมธุรกิจในครั้งนี้ให้บริการแก่ผู้ใช้บริการ ปลายทาง 

ซ. ผู้ให้บริการโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่จะต้องไม่กาหนดเพดานขั้นต่าของการเข้าซื้อ รายบริการ เช่น เสียง ข้อมูล บริการข้อความ เป็นต้น ของผู้รับใบอนุญาต MVNO ทั้งนี้ การเรียกเก็บค่าบริการให้เป็นไปตามการใช้งานที่เกิดขึ้นจริง 

2.3 ข้อกังวลคุณภาพการให้บริการมีเงื่อนไขหรือมาตรการเฉพาะดังนี้
1) บริษัท TUC และบริษัท DTN จะต้องคงคุณภาพในการให้บริการดังนี้ 

1.1) คุณภาพของสัญญาณในการให้บริการ 

บริษัท TUC และบริษัท DTN จะต้องไม่ลดคงจานวนระบบสื่อสัญญาณ (cell sites) ของทั้งสองบริษัทลงจากเดิม เพื่อรักษาคุณภาพและมาตรฐานของบริการที่ ให้ประชาชนได้รับให้ไม่ต่าไปกว่าเดิม และจะต้องรักษาคุณภาพและมาตรฐานของ บริการตามประกาศ กสทช. เรื่อง มาตรฐานของคุณภาพการให้บริการ โทรคมนาคม อย่างเคร่งครัด 

1.2) คุณภาพในการให้บริการลูกค้า
บริษัท TUC และบริษัท DTN จะต้องเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับจานวนลูกค้าที่ จะเพิ่มขึ้นจากการรวมธุรกิจเพื่อให้คุณภาพในการให้บริการต่อผู้ใช้บริการไม่ต่า กว่าเดิม เช่น จานวนเจ้าหน้าที่ที่เพียงพอเพื่อรองรับการให้บริการทั้งในส่วนของ ศูนย์บริการ และพนักงานรับสาย (Call center) รวมถึงขนาดพื้นที่ของ ศูนย์บริการลูกค้าที่สามารถรองรับการเข้ามาติดต่อของผู้ใช้บริการ 

2) ความครอบคลุมของโครงข่าย บริษัท TUC และ/หรือบริษัท DTN จะต้องจัดให้มี โครงข่ายโทรคมนาคมเพื่อการประกอบกิจการด้วยเทคโนโลยี 5G ครอบคลุมไม่น้อย กว่าร้อยละ 85 ของจานวนประชากรทั้งหมดของประเทศภายใน 3 ปี และร้อยละ 90  ของประชากรทั้งหมดของประเทศภายใน 5 ปีนับจากวันที่รวมธุรกิจ 

2.4 ข้อกังวลการถือครองคลื่นความถี่/การใช้โครงสร้างพื้นฐานร่วมกัน มีเงื่อนไขหรือมาตรการ เฉพาะ ดังนี้ 

1) การถือครองคลื่นความถี่ บริษัท TUC และบริษัท DTN จะต้องปฏิบัติตามกฎหมายที่ เกี่ยวข้องกับใช้งานคลื่นความถี่ในการประกอบกิจการโทรคมนาคม อย่างเคร่งครัด (การใช้คลื่นความถี่ตามมาตรา 41 วรรคสี่ 

มาตรา  44/1  และมาตรา 44/3 แห่ง พ.ร.บ. องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ พ.ศ. 2553  และที่แก้ไขเพิ่มเติม)
2) การใช้โครงสร้างพื้นฐานร่วมกัน (Infrastructure Sharing) บริษัท TUC และบริษัท DTN จะต้องให้ผู้รับใบอนุญาตรายอื่นเช่าใช้โครงข่ายโทรคมนาคมของตนเองในการประกอบกิจการโทรคมนาคม และจะต้อง 

ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการใช้โครงข่ายโทรคมนาคม ของ กสทช. อย่างเคร่งครัด
2.5  เศรษฐกิจของประเทศ นวัตกรรมและความเหลื่อมล้าทางดิจิทัล (Digital divide) มี 

1) ความครอบคลุมของโครงข่าย บริษัท TUC และ/หรือบริษัท DTN จะต้องจัดให้มี โครงข่ายโทรคมนาคมเพื่อการประกอบกิจการด้วยเทคโนโลยี 5G ครอบคลุมไม่น้อย กว่าร้อยละ 85  ของจานวนประชากรทั้งหมดของประเทศภายใน 3 ปี และร้อยละ  90 ของประชากรทั้งหมดของประเทศภายใน 5 ปีนับจากวันที่รวมธุรกิจ 

2) จัดให้มีรายการส่งเสริมการขายในราคาต่าเป็นพิเศษสาหรับผู้มีรายได้น้อยและ ผู้ด้อยโอกาสในสังคม โดยให้มีการประชาสัมพันธ์ให้กับกลุ่มเป้าหมายได้รับทราบอย่าง ทั่วถึง 

3) เสนอแผนการพัฒนานวัตกรรมที่เป็นรูปธรรมภายใน 60  วันหลังจากได้รับแจ้งเงื่อนไข หรือมาตรการเฉพาะ และเริ่มดาเนินการตามแผนภายใน 1 ปี 

3. ที่ประชุมเห็นชอบกาหนดกลไกในการติดตามและประเมินผลการรวมธุรกิจ 3.1การรายงานผลการประกอบธุรกิจ ภายใต้การดาเนินการตามกาหนดระยะเวลาและ 

เงื่อนไขที่ได้รับจาก กสทช. ทุก 6 เดือน ในระยะเวลาอย่างน้อย 5 ปี
3.2ภายหลังการรวมธุรกิจ หาก กสทช. พิจารณาหรือได้รับการร้องเรียนว่า มีการกระทา พฤติกรรม หรือเหตุอันเป็นการผูกขาด หรือลด หรือจากัดการแข่งขันในการให้บริการ กิจการ โทรคมนาคมมีการเปลี่ยนแปลงในสาระสาคัญทาให้เงื่อนไขหรือมาตรการเฉพาะไม่เหมาะสม หรือไม่มีประสิทธิภาพ กสทช. อาจระงับ ยกเลิก เพิ่มเติม หรือปรับปรุงเงื่อนไขหรือมาตรการ เฉพาะใหม่ก็ได้ตามความเหมาะสมและความจาเป็น

หมายเหตุ 

4. ที่ประชุมมอบหมายให้สานักงาน กสทช. นาประเด็นไปหารือคณะอนุกรรมการที่ปรึษากฎหมาย ของ กสทช. รวม ๓ ประเด็น ได้แก่ เรื่องการเห็นชอบกลไกการขายหุ้นออกไปจนไม่มีอานาจใน การควบคุมเชิงนโยบาย (Divestiture) เรื่องการรวมธุรกิจของบริษัท TUC และบริษัท DTN ใน อนาคต และเรื่องร้องเรียนคุณสมบัติของที่ปรึกษาอิสระ (บล.ฟินันซ่า) 

5. มอบหมายให้สานักงาน กสทช. ไปศึกษาประกาศรวมธุรกิจปี 2561 และประกาศปี 2549 

6. เห็นชอบในหลักการในการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อติดตามและประเมินผลการรวมธุรกิจ ตามประกาศปี 2561  ทั้งหมด
7 ให้สานักงาน กสทช. และผู้แจ้งการรวมธุรกิจประกาศให้ผู้ใช้บริการรับทราบเงื่อนไขและ 

มาตรการเฉพาะตามที่มีมติ เพื่อมีการตรวจสอบและมีบทลงโทษกรณีทาไม่ได้ เช่น ปรับเป็น จานวนร้อยละของรายได้ หรือปรับเป็นขั้นบันได และเพิกถอนใบอนุญาต 

1. ประธาน กสทช. กสทช. รองศาสตราจารย์ ดร. ศุภัชฯ กสทช. พลอากาศโท ดร. ธนพันธุ์ กสทช. ศาสตราจารย์ ดร. พิรงรองฯ และ กสทช. ต่อพงศ์ฯ จะจัดส่งบันทึกความเห็นให้ใน ภายหลัง 

2. กสทช. รองศาสตราจารย์ ดร. ศุภัชฯ และ รองศาสตราจารย์ ดร.พิรงรองฯ ขอสงวนความเห็นใน การรับรองรายงานการประชุมเนื่องจากมีข้อสังเกตในประเด็นผลทางกฎหมายของการออกเสียง ลงมติ