เที่ยวบินประวัติศาสตร์บินตรงจากอิสราเอลสู่ยูเออี นำสันติภาพสู่ตะวันออกกลาง

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม ประวัติศาสตร์ของอิสราเอลและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ได้บันทึกไว้เมื่อเที่ยวบิน LY971 ของสายการบิน อีแอล เอแอล อิสราเอล แอร์ไลน์ (El Al ) เป็นสายการบินพาณิชย์ของประเทศอิสราเอล ได้ทำการบินไปยังจากสนามบินเบนกูเรียนในอิสราเอลไปกรุงอาบูดาบี ใช้เวลา 3 ขั่วโมง โดยมีคณะผู้แทนของเจ้าหน้าที่อิสราเอลและสหรัฐฯ เดินทางร่วมคณะผ่านน่านฟ้า ประเทศซาอุดิอาระเบีย

นับเป็นก้าวสำคัญในการปรับความสัมพันธ์ให้เป็นปกติหลังจากการประกาศข้อตกลงสันติภาพ โดยยูเออีนับเป็นประเทศที่สามในกลุ่มอาหรับที่ให้การยอมรับอิสราเอลหลังจากก่อตั้งประเทศมาตั้งแต่ปี 1948

เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมายูเออีได้ยกเลิกกฎหมายคว่ำบาตรอิสราเอลซึ่งใช้บังคับมาตั้งแต่ปี 1972 และเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาทั้งสองประเทศได้เปิดบริการโทรศัพท์สายตรงเป็นครั้งแรก ข้อตกลงในการปรับความสัมพันธ์ได้ผ่านสหรัฐฯเป็นตัวกลางซึ่งสร้่งความประหลาดใจในวันที่ 13 สิงหาคมที่ผ่านมา 

หมายเลขไฟล์ทบินประวัติศาสตร์ดังกล่าว เป็นรหัสเลขหมายโทรศัพท์ระหว่างประเทศของยูเออี ซี่งได้บรรทุกผู้โดยสารระดับวีไอพีจากสองประเทศรวมทั้งจากสหรัฐคือ “เจเรด คุสเนอร์” ลูกเขยประธานาธิบดี “โดนัลด์ ทรัมป์” ซึ่งเป็นที่ทราบกันว่าเป็นผู้นำการเจรจาบับส่งผลให้เกิดข้อตกลงระหว่างสองประเทศ และ “เมียร์เบน – แชบแบท” ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของอิสราเอล

สำหรับเที่ยวบินขากลับไปอิสราเอลจะใช้หมายเลขไฟล์ทบิน LY972 เป็นรหัสโทรทางไกลของอิสราเอล

มีรายงานด้วยว่า ทั้ง 3 ประเทศได้รับประโยชน์แบบวิน-วิน คือ อิสราเอลได้รับการยอมรับในระดับภูมิภาคของรัฐยิว ศูนย์กลางการเงินของยูเออีจะได้รับประโยชน์จากการเชื่อมโยงแบบเปิดกับความมั่นคงของภูมิภาคและมหาอำนาจทางไซเบอร์ ในขณะที่ประธานาธิบดีสหรัฐที่ถูกกดดันจากในประเทศจะโชว์บทบาทของเขาในฐานะผู้สร้างสันติในตะวันออกกลาง

ในทวีตเป็นภาษาฮีบรู “เบนจามิน เนทันยาฮู” นายกรัฐมนตรีอิสราเอลได้ยกย่องการมาถึงของเที่ยวบินดังกล่าวว่าเป็นตัวอย่างของ “สันติภาพเพื่อสันติภาพ” ซึ่งอ้างถึงความไม่เชื่อที่มีมายาวนานของเขาในความคิดที่ว่าการซื้อขายที่ดินที่ถูกยึดครองเท่านั้นจะทำให้เกิดสันติภาพระหว่างอิสราเอลและประเทศอาหรับ