นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ข้อความว่า จากคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 267/2564 เรื่องยกเลิกคำสั่งมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฎิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรีนั้น เป็นคำสั่ง ที่ยกเลิกการมอบหมายให้พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี มีอำนาจกำกับ 4 กรม ที่ ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า เคยกำกับบริหารในสมัยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
“ซึ่งปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ เป็นบทเรียนให้กับทั้ง2ฝ่าย คือ รัฐบาลและพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวคือในส่วนของรัฐบาล จะต้องตระหนัก และมีความรอบคอบในการออกคำสั่งใดๆ จะต้องพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วน ว่าเป็นคำสั่งที่ถูกต้องตามระเบียบบริหารราชการแผ่นดินหรือไม่ เป็นคำสั่งที่เคยปฎิบัติกันมาหรือไม่ เป็นคำสั่งขัดต่อมารยาททางการเมืองหรือไม่ และเป็นคำสั่งที่ออกมาแล้ว จะถูกต่อต้านและวิพากษ์วิจารณ์จากสังคม ในเรื่องประเพณีปฏิบัติมากน้อยเพียงใด เพราะการออกคำสั่งใดออกไปแล้ว และมาเปลี่ยนแปลงในภายหลัง จะทำให้ประชาชนขาดความเชื่อมั่น ไม่มีความศักดิ์สิทธิ์ในคำสั่งของคณะรัฐมนตรี ซึ่งอาจจะถูกกล่าวหาว่า ไม่มีความชัดเจน ชักเข้าชักออก ไม่ยึดมั่นในหลักการที่ใช้บริหารประเทศ” นายเทพไท ระบุ
นายเทพไท ระบุว่า สำหรับในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ ก็ได้บทเรียนครั้งสำคัญว่า เมื่อใดก็ตามที่พรรคถูกกระทำ ด้วยความไม่เป็นธรรม ถูกละเมิดในเกียรติยศและศักดิ์ศรีของพรรค เมื่อสมาชิกพรรคพร้อมใจกันออกมาต่อต้าน กดดัน เรียกร้องความเป็นธรรม ก็จะประสบความสำเร็จจะได้รับความเป็นธรรมกลับคืนมา แต่ตราบใดก็ตาม ถ้าพรรคแสดงความอ่อนแอ มุ่งเน้นรักษามารยาทการเป็นพรรคร่วมรัฐบาลที่ดี โอนอ่อนผ่อนตามพรรคแกนนำ หรือเคลื่อนไหวทางการเมืองในลักษณะหน่อมแน้ม ก็จะถูกข่มเหง รังแก และไม่มีอำนาจต่อรอง เหมือนครั้งการเลือกตั้งซ่อมเขต3 จังหวัดนครศรีธรรมราช ที่ถูกพรรคแกนนำรัฐบาลอย่างพรรคพลังประชารัฐ ส่งผู้สมัครแข่งขันด้วย โดยอ้างหลักประชาธิปไตย เหนือมารยาททางการเมือง และพรรคประชาธิปัตย์ก็จำใจยอม
“ถ้าตอนนั้นพรรคประชาธิปัตย์ยื่นคำขาดไป ว่าหากพรรคพลังประชารัฐ ส่งสมัครลงแข่งขันกันเอง จะขอถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล ก็เชื่อว่าพรรคพลังประชารัฐ คงไม่กล้าส่งผู้สมัครลงแข่งขันกับพรรคประชาธิปัตย์ เพราะพื้นที่นั้นเป็นที่นั่งของพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นธรรมเนียมปฏิบัติทางการเมือง ที่ยึดถือปฎิบัติกันมาเป็นเวลายาวนานการออกคำสั่ง คืนการกำกับดูแล 4 กรม ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในครั้งนี้ นับว่าเป็นบทเรียนที่ดี และเป็นบทเรียนราคาแพง ทั้งของพลเอกประยุทธ์ และพรรคประชาธิปัตย์ หวังว่าจะไม่มีปรากฎการณ์แบบนี้ เกิดขึ้นอีกในโอกาสต่อไป” นายเทพไท ระบุ
