เตือนประชาชนระวัง “โรคอุจจาระร่วง”ช่วงหน้าฝน หลังระบาดแล้ว 2 กลุ่มใหญ่

  • มีจำนวนผู้ป่วยรวมกว่า 200 ราย
  • ยึดหลัก “สุก ร้อน สะอาด”
  • ไม่รับประทานอาหารแบบสุกๆ ดิบๆ

กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า จากการเฝ้าระวังของกรมควบคุมโรค สถานการณ์โรคอุจจาระร่วงในปีนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-14 มิ.ย. 2565 พบผู้ป่วยแล้ว 217,669 ราย เสียชีวิต 2 ราย

สัปดาห์ที่ผ่านมามีรายงานเหตุการณ์โรคอุจจาระร่วงเป็นกลุ่มก้อนจำนวน 2 เหตุการณ์ คือ

1.เหตุการณ์การระบาดในเรือนจำแห่งหนึ่งในจังหวัดลำปาง พบผู้ป่วย จำนวน 196 ราย ผลตรวจพบเชื้อ Entamoeba histolytica

2.เหตุการณ์ในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กแห่งหนึ่งในจังหวัดอุดรธานี พบผู้ป่วย จำนวน 15 ราย

กลุ่มอายุที่พบมากที่สุดคือ อายุมากกว่า 65 ปี (15.18%) รองลงมา อายุ 25-34 ปี (13.89%) และอายุ 15-24 ปี (12.43%) จังหวัดที่มีอัตราป่วยต่อประชากรแสนคนสูงสุด 5 อันดับแรกคือ อํานาจเจริญ มุกดาหาร เชียงราย ระนอง และภูเก็ต ตามลำดับ

สำหรับการพยากรณ์โรคและภัยสุขภาพของสัปดาห์นี้ คาดว่ามีโอกาสพบผู้ป่วยโรคอุจจาระร่วงเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากในระยะนี้ประเทศไทยมีอากาศร้อนสลับกับมีฝนตก อาจเกิดการปนเปื้อนของเชื้อโรคในอาหารที่ทิ้งค้างไว้ข้ามวัน การปรุงประกอบอาหารที่ไม่ถูกสุขลักษณะหรือรับประทานอาหารสุกๆ ดิบๆ ซึ่งอันตรายที่สำคัญของโรคนี้ คือ การเกิดภาวะขาดน้ำและเกลือแร่ อาจทำให้ช็อก หมดสติ และภาวะขาดสารอาหาร

กลุ่มเสี่ยงที่มีโอกาสได้รับเชื้อสูงคือ กลุ่มนักเรียน ศูนย์เด็กเล็ก ค่าย หรือเรือนจำ อาจเกิดการระบาดใหญ่เป็นกลุ่มก้อนจากการจัดเลี้ยงอาหารในคนหมู่มากได้ และโดยเฉพาะในผู้ป่วยเด็กเล็กและผู้สูงอายุหากเกิดโรคแทรกซ้อนจะเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้

กรมควบคุมโรค ขอแนะนำว่า ในการป้องกันโรคอุจจาระร่วง ขอให้ประชาชนยึดหลัก “สุก ร้อน สะอาด” โดยรับประทานอาหารปรุงสุกใหม่ด้วยความร้อน ไม่รับประทานอาหารแบบสุกๆ ดิบๆ ดื่มน้ำสะอาดที่ได้รับมาตรฐาน หากเป็นน้ำแข็งหลอดที่บรรจุถุงควรสังเกตรายละเอียดบนฉลากให้ครบถ้วน และเครื่องหมาย อย. สำหรับอาหารค้างมื้อควรอุ่นร้อนทุกครั้งก่อนรับประทาน และล้างมือให้สะอาดด้วยน้ำและสบู่ ทุกครั้งก่อนปรุงหรือรับประทานอาหารและภายหลังขับถ่าย

ทั้งนี้ หากอาการอุจจาระร่วงไม่ดีขึ้น มีอาการถ่ายเป็นน้ำมากขึ้น อาเจียนบ่อย รับประทานอาหารไม่ได้ มีไข้สูง ถ่ายอุจจาระเป็นมูกปนเลือด ควรรีบไปพบแพทย์ทันที สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422