เตรียมกลับมาลุย… STGT คาดโรงงานใหม่ที่สุราษฎร์ธานี พร้อมกลับมาเดินเครื่องผลิต พ.ค.นี้

  • ชูเทคโนโลยีเครื่องจักรทันสมัยผลิตถุงมือยางด้วยความเร็วสูง
  • มีแผนเปิดโรงงานใหม่ไตรมาสละ 1 แห่ง ที่สุราษฎร์ฯ สงขลา ตรัง
  • วางเป้าเพิ่มกำลังการผลิต 80,000 ล้านชิ้นต่อปีภายในปี 67 และ 100,000 ล้านชิ้นต่อปี ในปี 69

น.ส.จริญญา จิโรจน์กุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ STGT ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายถุงมือยางธรรมชาติและถุงมือยางไนไตรล์รายใหญ่ของโลก เปิดเผยว่า บริษัทฯ คาดว่าโรงงานผลิตถุงมือยางแห่งใหม่ซึ่งเป็นส่วนต่อขยายในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมจะกลับมาเดินเครื่องจักรครบทุกสายการผลิตได้อีกครั้งในเดือน พ.ค.นี้ หลังเกิดเหตุเพลิงไหม้เมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งจะเสริมศักยภาพการผลิตสินค้าเพื่อตอบสนองความต้องการใช้ถุงมือยางจากทั่วโลก ทั้งนี้ปัจจุบันบริษัทฯ ยังคงได้รับคำสั่งซื้อสินค้าใหม่จากประเทศต่างๆ อย่างต่อเนื่อง

น.ส.จริญญา กล่าวว่า สำหรับโรงงานแห่งใหม่ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ถือเป็นหนึ่งในโรงงานที่มีเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัยที่สุดของ STGT และทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งของโลก สามารถเดินเครื่องจักรด้วยความเร็วสูงและมีประสิทธิภาพโดยเมื่อเดินเครื่องจักรอย่างเต็มที่ สามารถผลิตถุงมือยางได้กว่า 2,200 ล้านชิ้นต่อปี ซึ่งจะเข้ามาเสริมศักยภาพเพื่อผลักดันผลการดำเนินงานของบริษัทฯ และรักษาความเป็นผู้ผลิตถุงมือยางรายใหญ่ของโลก โดยในปี 2564 นี้ บริษัทฯวางแผนเพิ่มกำลังการผลิตอีก 3,000 ล้านชิ้นต่อปี รวมเป็น 36,000 ล้านชิ้นต่อปี 

ทั้งนี้นอกจากโรงงานแห่งใหม่ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี บริษัทฯ มีแผนเปิดโรงงานใหม่อีกไตรมาสละ 1 แห่ง ในไตรมาส2 ไตรมาส 3 และ ไตรมาส 4 ของปีนี้ ประกอบด้วย โรงงานจังหวัดสุราษฎร์ธานีอีก 1 แห่ง โรงงานที่อำเภอสะเดาจังหวัดสงขลา 1 แห่ง และโรงงานจังหวัดตรัง 1 แห่ง อีกทั้งยังได้วางเป้าหมายเพิ่มกำลังการผลิตรวมเป็น 80,000 ล้านชิ้นต่อปีภายในปี 2567 และเพิ่มขึ้นเป็น 100,000 ล้านชิ้นต่อปีภายในปี 2569

“เราต้องการจะพัฒนาเครื่องจักรให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยใช้พลังงานชีวมวลผสมผสานกับระบบการจัดการของเสียในกระบวนการผลิตที่ทันสมัย และมั่นใจว่าจะไม่ประสบปัญหาขาดแคลนแรงงานอย่างแน่นอน เนื่องจากได้วางแผนรับแรงงานไทยเข้าทำงานเพื่อทดแทนแรงงานต่างด้าวบางส่วน ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของบริษัทฯ ที่ให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือแรงงานไทยที่ประสบปัญหาว่างงานในช่วงนี้ โดยพร้อมดูแลและปฏิบัติตามหลักสิทธิมนุษยชนเพื่อสภาพการทำงานที่ปลอดภัยและสุขอนามัยที่ดี รวมถึงยังเป็นบริษัทถุงมือยางแห่งเดียวที่ได้รับเกรด A ซึ่งเป็นเกรดสูงสุดในทุกหัวข้อของการดูแลพนักงาน จาก Business Social Compliance Initiative หรือ BSCI สอดคล้องกับแนวคิดการดำเนินธุรกิจที่ต้องการเป็นผู้ผลิตถุงมือแห่งชีวิต ที่พร้อมส่งมอบการปกป้องทุกสัมผัส ด้วยความห่วงใยสู่ทุกชีวิตทั่วโลก” น.ส.จริญญา กล่าว