เดินหน้า…คมนาคมวางไทม์ไลน์ส่งมอบพื้นที่สร้างไฮสปีดเชื่อม 3 สนามบินเฟสแรก

“คมนาคม” วางไทม์ไลน์ส่งมอบพื้นที่ไฮสปีดเชื่อม 3 สนามบิน เฟสแรก “ช่วงสุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา” ครบ 100% ภายใน ก.พ. 64 เร่งเคลียร์ผู้บุกรุก-ยกเลิกสัญญาเช่า ฟากเอกชนลุยปรับปรุงสถานี-การให้บริการ-เตรียมพร้อมเดินรถ ก่อนโอน “แอร์พอร์ต เรล ลิงก์” ต.ค. ปีหน้า

นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะทำงานเร่งรัดการส่งมอบพื้นที่รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) ว่า  ได้รับทราบความคืบหน้าการขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายงบกลางประจำปี 2563 ตามที่คณะกรรมการพัฒนาพื้นที่อีอีซี (กพอ.) ได้พิจารณาเห็นชอบ และอยู่ระหว่างกระบวนการขอรับงบประมาณ ซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไขของสำนักงบประมาณที่ได้พิจารณารายละเอียดครบถ้วนทั้งหมดแล้ว อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า ไม่มีอุปสรรค และได้ดำเนินการตามแผนที่กำหนดไว้

ขณะที่ การเวนคืนที่ดิน โยกย้ายผู้บุกรุก และยกเลิกสัญญาเช่านั้น การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เป็นเจ้าภาพในการดำเนินการ ซึ่งในขณะนี้นี้ได้จัดประชาสัมพันธ์กับผู้ที่ถูกเวนคืนที่ดิน รวมถึงการสำรวจรายละเอียดที่ดิน สิ่งปลูกสร้าง และพืชผล โดยได้มีการตั้งคณะกรรมการกำหนดราคาเบื้องต้น จากนั้นจะประชุม และจ่ายค่าทดแทนทั้งหมด ตามแผนจะใช้วิธีการเจรจา ทั้งนี้ คาดว่า จะทำสัญญาซื้อขายกับผู้ถูกเวนคืน และจ่ายค่าทดแทนภายใน พ.ย. 2563 จากนั้นจะรับมอบที่ดินที่ถูกเวนคืน และส่งมอบที่ดินให้เอกชนคู่สัญญาในระยะแรก ช่วงสุวรรณภูมิ-อู่ตะเภาทั้งหมด 100% ภายในเดือน ก.พ. 2564 ตามแผน แต่หากเกิดกรณีล่าช้า อาทิ ผู้ถูกเวนคืนยื่นอุทธรณ์ อาจต้องใช้เวลาตามขั้นตอน ส่วนเจ้าของที่ดินทักท้วง หรือร้องเรียนจะเคลียร์ให้จบภายใน ส.ค. 2564 ขณะที่การส่งมอบพื้นที่ระยะที่ 2 ช่วงดอนเมือง-สุวรรณภูมิ ใช้เวลาดำเนินการอีก 2 ปี 3 เดือน

นายชัยวัฒน์ กล่าวอีกว่า ในส่วนการโยกย้ายผู้บุกรุกที่มีผลกระทบกับโครงการ ช่วงดอนเมือง-สุวรรณภูมินั้น มีผู้บุกรุก 267 หลังคาเรือน ช่วงสุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา มีผู้บุกรุก 302 หลังคาเรือน ซึ่งในขณะนี้ รฟท. อยู่ระหว่างการฟ้องร้องดำเนินคดีกับผู้บุกรุกโดยดำเนินการตามกฎหมาย ขณะที่ การยกเลิกสัญญาเช่านั้น มีทั้งสิ้น 213 สัญญา แบ่งเป็น ช่วงดอนเมือง-พญาไท 100 สัญญา จะดำเนินการยกเลิกสัญญาเช่าให้เสร็จภายใน ธ.ค. 2563  และช่วงลาดกระบัง-อู่ตะเภา 113 สัญญา จะดำเนินการให้เสร็จภายใน ต.ค. 2563 

ในด้านการขอเข้าพื้นที่ของหน่วยงานในการรื้อย้ายสาธารณูปโภคที่จำเป็น โดยมี 8 หน่วยงานที่ขอรื้อย้ายกรณีเร่งด่วนในพื้นที่ของกรมทางหลวง (ทล.) เช่น กรุงเทพมหานคร (กทม.) การประปานครหลวง การประปาส่วนภูมิภาค กิจการไฟฟ้าของกองทัพเรือ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท. เป็นต้น โดย ทล. ได้อนุญาตให้ ปตท. เข้าพื้นที่ ช่วงดอนเมือง-พญาไท แล้ว ส่วนอีก 7 หน่วยงาน อยู่ระหว่างพิจารณาอนุญาต โดยสั่งการให้ ทล. แนะนำหน่วยงานที่มาขอเข้าพื้นที่จัดเตรียมเอกสารให้พร้อมและเรียบร้อย เพื่อดำเนินการแล้วเสร็จในครั้งเดียว อย่างไรก็ตาม หากติดปัญหาอุปสรรคใดๆ ให้นำมารายงานในที่ประชุมครั้งต่อไป

นอกจากนี้ ในส่วนของการขอขยายเขตทางเพิ่มที่เอกชนต้องเวนคืนที่ดินเพิ่มเติม จำนวน 6 จุด ได้แก่ สถานีลาดกระบัง, บริเวณจุดตัดทางรถไฟ ช่วงทางออกสนามบินสุวรรณภูมิ, ประตูน้ำของกรมชลประทาน, ช่วงข้ามแม่น้ำบางปะกง โดยต้องทำสะพานรถไฟความเร็วสูงใหม่, ช่วงอุโมงค์เขาชีจรรย์ และบริเวณทางเข้าสนามบินอู่ตะเภา มีผู้ได้รับผลกระทบจากการถูกเวนคืนทั้งสิ้น 48 ราย จำนวน 63 แปลง ในขณะนี้ อยู่ระหว่างการสำรวจความคิดเห็นประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการเวนคืน ต้องทำให้เสร็จภายใน ก.ค.นี้ จากนั้นสรุปข้อมูลรับฟังความคิดเห็น ส.ค. 2563 ทั้งนี้ ต้องพิจารณาผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) ควบคู่ด้วย โดยใช้หลักการเวนคืนน้อยที่สุดเท่าที่จำเป็นเท่านั้น หากเวนบางส่วนแล้ว แต่ใช้พื้นที่ไม่ครบแปลง เหลือเศษที่ดิน 20-25 ตารางวาให้เวนคืนทั้งหมด เพื่อใช้สำหรับเขตปลอดทางด้วย ถ้าออกแบบหลบได้ให้กระทำเพื่อไม่ให้ประชาชนเกิดความเดือดร้อน

นายชัยวัฒน์ กล่าวต่ออีกว่า บริษัท รถไฟความเร็วสูงสายตะวันออกเชื่อมสามสนามบิน จำกัด ยังได้รายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานการโอนรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์นั้น ประกอบด้วย 5 เรื่อง คือ 1.การตรวจสอบสถานะทางด้านเทคนิคจะแล้วเสร็จภายในปลาย ก.ค.นี้ 2.การเตรียมความพร้อมการเดินรถ 3.การปรับปรุงบริการให้ผู้โดยสาร เช่น การตกแต่งภายในสถานี ทั้งไฟแสงสว่าง ติดระบบเครื่องปรับอากาศ (แอร์) และจัดที่จอดรถ 4.การคืนสภาพทรัพย์สิน โดยการปรับปรุงอาคารสถานี ที่ต้องมั่นคงแข็งแรง และ 5.การปรับระบบเพื่อรองรับการเดินรถ โดยจะใช้ระยะเวลารวมประมาณ 16 เดือน โดยเริ่มตั้งแต่ มิ.ย. 2563 และต้องเสร็จสิ้นภายใน ก.ย. 2564 พร้อมทั้งชำระเงินให้ รฟท. จากนั้นจะส่งมอบรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ และเปิดให้บริการประชาชนอย่างต่อเนื่องช่วง ต.ค. 2564 ทั้งนี้ เชื่อว่าบริษัทดำเนินการอย่างมืออาชีพ เนื่องจากมีการทำแผนไว้อย่างชัดเจน

อย่างไรก็ตาม ในส่วนที่มีความล่าช้าการทำงานนั้น เนื่องจากมีผู้เชียวชาญจากต่างประเทศที่ว่าจ้างมาสำรวจตรวจสอบและวางแผนระบบการพัฒนาแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ แต่ติดสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จึงแนะนำให้ไปตรวจสอบข้อกำหนดในการเข้าประเทศของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ว่า บุคคลกลุ่มนี้อยู่ในประเภทที่ ศบค.อนุญาตให้เขอนุญาตเข้าประเทศหรือไม่ แต่ต้องดำเนินการตามกระบวนการมาตรการป้องกันโควิด-19 ของไทย เพื่อลงพื้นที่ดำเนินงานได้คล่องตัว และเป็นไปตามแผน