เช็คการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 มีผู้ติดเชื้อแล้ว 52.25 ล้านคน สหรัฐทำสถิตินำโด่ง

  • การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด ยังคงดำเนินไปต่อเนื่อง โดยเฉพาะในสหรัฐ
  • ขณะที่ญี่ปุ่น เผย ยอดซื้อเครื่องจักร ลดลง 4.4%และชะลอการฟื้นตัวจากเดือนก่อน

เช็คสถานการณ์ โควิด-19 ท่ัวโลก
สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศต่างๆท่ัวโลก ณ วันที่ 12/11/2020 มีจำนวน 52.42 ล้านคน สหรัฐทุบสถิติอีกรอบ วันเดียวมีผู้ติดเชื้อ 140,000 คน เฉลี่ย 10 วันมีผู้ติดเชื้อ 1 ล้านคน ในจำนวนผู้ติดเชื้อสะ สมทั้งหมดมีผู้เสียชีวิตแล้ว 1.29 ล้านคน และยังมีผู้เสียชีวิตเร่ือยๆหรือ เพ่ิมขึ้นเม่ือวันที่ 12 พ.ย.อีก 8,570 คน มีผู้หายป่วยกลับบ้านได้แล้ว 34 ล้านคน
ข้อมูลจากศูนย์วิทยาศาสตร์และวิศวกรรมเชิงระบบ (CSSE) แห่งมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ เปิดเผยว่า รัฐเท็กซัสเป็นรัฐที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุดในสหรัฐ โดยมีจำนวน 1,008,522 ราย และกลายเป็นรัฐแรกที่มียอดผู้ติดเชื้อทะลุ 1 ล้านราย ขณะที่รัฐแคลิฟอร์เนียตามมาเป็นที่ 2 มีจำนวนผู้ติดเชื้อ 988,802 ราย ฟลอริดามีผู้ติดเชื้อ 852,174 ราย และนิวยอร์กมีผู้ติดเชื้อ 532,180 ราย รัฐนิวยอร์กยังคงเป็นรัฐที่มีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 มากที่สุดในสหรัฐที่ 33,705 ราย หรือ 14% ของจำนวนผู้เสียชีวิตทั้งหมดในประเทศ ขณะที่สถานการณ์การท่องเที่ยวในเมืองสำคัญๆท่ัวโลก ยังคงน่ิง เกือบเป็น 0 คือ ไม่ มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไปเลย

เวียดนามตั้งเป้า GDP’64 โต 6%
 เวียดนาม ตั้งเป้าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ(GDP)เติบโตราว 6% ในปี 64 ขณะต่อสู้กับการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) อย่างมีประสิทธิภาพ เป้าหมายนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนพัฒนาสัง คม-เศรษฐกิจสำหรับปี 64 ผ่านการเห็นชอบเมื่อวันพุธ โดยสภาแห่งชาติ(NA)ของเวียดนาม(สภาสูงสุด)ซึ่งประชุมสมัยที่ 14 ครั้งที่ 10 และภายใต้แผนนี้ เวียดนามจะพยายามควบคุมการเติบโตของดัชนีราคาผู้บริโภค(เงินเฟ้อ)ให้อยู่ที่ราว 4% และตั้งเป้าจีดีพีต่อหัวที่ 3,700 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 112,000 แสนบาท:30.25 บาท/ดอลล่าร์) 
ในปี 64 เวียดนามจะมุ่งมั่นดำเนินการป้องกันและต่อสู้กับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป ขณะเดียวกันต้องส่งเสริมการส่งออกและพัฒนาตลาดภายในประเทศ โดยให้ความสำคัญกับการกระตุ้นความต้องการของผู้บริโภค ทั้งนี้ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 63 จีดีพีเวียดนามเติบโต 2.12% เติบโตต่ำที่สุดในช่วงปี 54 -63อย่างไรก็ตาม IMF คาดว่าจีดีพีทั้งปีของเวียดนามจะเติบโตที่ 1.6% และดีดตัวขึ้นในปี 64 ที่ระดับ 6.7%

กม.ต้านผูกขาดจะกระทบยักษ์ใหญจีน
มอร์แกน สแตนลีย์ วาณิชธนกิจของสหรัฐ ระบุว่า การที่จีนมีแผนจะใช้มาตรการกำกับดูแลอุตสาหกรรมอิน เทอร์เน็ตอย่างเข้มงวดเพื่อป้องกันการผูกขาดตลาดนั้น จะส่งผลกระทบต่อบริษัทอินเทอร์เน็ตรายใหญ่ของจีนเองซึ่งได้แก่ Alibaba, Tencent, Pinduoduo, JD.com และ Meituan Dianping 
มอร์แกน สแตนลีย์ เชื่อว่า การที่จีนเตรียมออกกฎหมายใหม่เพื่อต่อต้านการผูกขาดตลาดนั้น มีแนวโน้มจะส่งผลกระทบ กับบริษัทอินเทอร์เน็ตรายใหญ่ของจีนเป็นวงกว้าง โดยทางการจีนมองว่า อุตสาหกรรมอินเทอร์เน็ตกำลังเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรง และบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยียังคงต้องการสกัดกั้นผู้ให้บริการรายใหม่ๆ ที่จะเข้ามาแย่งชิงส่วนแบ่งตลาด

.ยอดซื้อเครื่องจักรในญี่ปุ่นลดครั้งแรก
ครม.ญี่ปุ่น รายงานว่า ยอดสั่งซื้อเครื่องจักรพื้นฐานซึ่งไม่รวมเครื่องจักรสำหรับอุตสาหกรรมต่อเรือ และสาธาร ณูปโภค ลดลง 4.4% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบกับเดือนส.ค.ซึ่งเป็นการลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือนเพราะอุตสาห กรรมยานยนต์และอุตสาหกรรมอื่นๆชะลอการฟื้นตัว ทั้งนี้ ยอดสั่งซื้อเครื่องจักรซึ่งเป็นดัชนีวัดการใช้จ่ายด้านทุนของญี่ปุ่น มีมูลค่ารวม 719,300 ล้านเยน (6,800 ล้านเหรียญ) 
    ส่วนยอดสั่งซื้อเครื่องจักรพื้นฐานเพิ่มขึ้น 6.3% และ 0.2% ในเดือนก.ค.และส.ค.แต่ก็ยังไม่ถึงระดับก่อนเกิดการระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งมีมูลค่าการสั่งซื้อกว่า 800,000 ล้านเยนอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ คำสั่งซื้อจากต่างประเทศซึ่งเป็นดัชนีชี้วัดการส่งออกในอนาคตนั้น ลดลง 16.7% แตะที่ 765, 550 ล้านเยนในเดือนก.ย. หลังพุ่งขึ้น 49.6% ในเดือนส.ค.


.แบงก์ชาตินิวซีแลนด์ตรึงดอกเบี้ย 0.25%
ธนาคารกลางนิวซีแลนด์ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.25%ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ และ ยังคงดำเนินโครงการผ่อนคลายทางการเงินเชิงปริมาณ (QE) ต่อไป ขณะเดียวกัน ธนาคารกลางนิวซีแลนด์ เปิดตัวโครงการจัดหาเงินกู้ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนของบรรดาสถาบันการเงินผู้ปล่อยกู้ พร้อมกับส่งสัญญาณถึงความพร้อมที่จะใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบ เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจของประเทศ 
ทั้งนี้ ธนาคารกลางนิวซีแลนด์ คาดว่า เศรษฐกิจภายในประเทศจะเข้าสู่ภาวะถดถอยในช่วงต้นปีหน้า และธนาคารกลางจะกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมผ่านทางโครงการจัดหาเงินทุนเพื่อการปล่อยกู้ (funding-for-lending programme หรือ FLP) โดยจะมีการเปิดตัวในเดือนธ.ค.นี้ ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนการจัดหาเงินทุนสำหรับธนาคารพาณิชย์ หลังจากที่ จีดีพีในไตรมาส 2 หดตัวลง 12.2% เป็นการหดตัวรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เริ่มมีการบันทึกสถิติ จีดีพีรายไตรมาสในปี 2520 

.ชาวเกาหลีใต้ตกงานสูงสุดเดือน ต.ค.
 สำนักงานสถิติแห่งชาติเกาหลีใต้ เผย จำนวนชาวเกาหลีใต้ที่ตกงานในเดือนต.ค.แตะระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน โดยจำนวนผู้มีงานทำในเดือนต.ค.อยู่ที่ 27,088,000 ราย ลดลง 421,000 รายจากช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งเป็นการปรับตัวลดลงมากที่สุดนับแต่เดือนเม.ย. ทั้งนี้เกาหลีใต้ยังคงมีคนตกงานต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 8 ติดต่อกันแล้ว โดยประ ชาชนตกงาน 195,000 รายในเดือนมี.ค., 476,000 รายในเดือนเม.ย., 392,000 รายในเดือนพ.ค., 352, 000 รายในเดือน มิ.ย., 277,000 รายในเดือนก.ค., 274,000 รายในเดือนส.ค. และ 392,000 รายในเดือนก.ย.ทั้งนี้ จำ นวนผู้ว่างงานอยู่ที่ 1,028,000 รายในเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 164,000 รายจากปีก่อน และอัตราว่างงานเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 0.7% เทียบรายปีแตะ 3.7% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดของเดือนต.ค.นับตั้งแต่ปี 43

.สิงคโปร์-ฮ่องกงเปิด Travel Bubble แล้ว
 สิงคโปร์ และฮ่องกง จะเริ่มเปิดการเดินทางระหว่างกันในวันที่ 22 พ.ย.นี้ ตามข้อตกลงการเดินทางทางอา กาศระหว่างกันแบบไม่ต้องกักตัว(Travel Bubble)การประกาศของทั้งสองประเทศ ระบุว่า ภายใต้ข้อตกลง Travel Bubble นั้น ผู้โดยสารเครื่องบินจะได้รับอนุญาตให้เดินทางระหว่างสิงคโปร์และฮ่องกงได้โดยไม่จำเป็นต้องกักตัวเมื่อเข้าประ เทศ แต่ผู้โดยสารจะต้องเข้ารับการตรวจเชื้อไวรัสโควิด-19 และต้องแสดงผลการตรวจเป็นลบภายในเวลา 72 ชั่วโมงก่อนการเดินทาง ที่สำคัญผู้โดยสารทุกคนที่เดินทางถึงฮ่องกงจะต้องเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ทันทีที่ถึงสนามบิน 
แม้ว่าข้อตกลงนี้ไม่ได้เข้มงวดเกี่ยวกับวัตถุประสงค์ของการเดินทาง และไม่ได้กำหนดให้เปิดเผยแผนการเดินทาง หรือผู้สนับสนุนการเดินทาง แต่ผู้โดยสารจะต้องไม่มีประวัติการเดินทางไปยังสถานที่อื่นๆ นอกจากฮ่องกงและสิงคโปร์ภายในระยะเวลา 14 วันก่อนการเดินทาง
สำหรับเที่ยวบินระหว่างสิงคโปร์และฮ่องกงจะถูกกำหนดไว้ที่ 1 เที่ยวบินต่อวัน และจำกัดผู้โดยสารของแต่ละฝั่งที่ 200 คนต่อเที่ยวบิน โดยหากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ไม่ได้ย่ำแย่ลง ทั้งสองฝั่ง ก็มีแนวโน้มว่าจะเพิ่มเที่ยวบินเป็น 2 เที่ยวต่อวันตั้งแต่วันที่ 7 ธ.ค.เป็นต้นไป และเที่ยวบินภายใต้ข้อตกลง Travel Bubble จะต้องขนส่งผู้โดยสารระหว่างฮ่องกงและสิงคโปร์เท่านั้น และจะไม่รวมผู้โดยสารที่แวะเปลี่ยนเครื่องทั้งที่สิงคโปร์และฮ่องกง

.จีดีพีฟิลิปปินส์ Q3/63 หดตัว 11.5%
เศรษฐกิจฟิลิปปินส์ หดตัวมากกว่าคาดการณ์ในไตรมาส 3 ที่ผ่านมา เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด -19 แต่จากนี้จะเริ่มฟื้นตัวขึ้นเรื่อยๆ เหตุผลกระทบจากโควิดเริ่มคลี่คลาย หลังรัฐบาลค่อยๆ ยกเลิกข้อจำกัดต่างๆ ทีละน้อย สำนักงานสถิติของฟิลิปปินส์ เปิดเผยว่า จีดีพีของฟิลิปปินส์ หดตัวลง 11.5% ในไตรมาส 3/63 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะปรับตัวลดลง 9.8% หลังจากหดตัว 16.9% ในไตรมาสที่ 2/63 หลังการปิดเมืองยาวนาน ส่งผลให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอยเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 30 ปี ธนาคารโลก คาดว่า เศรษฐกิจฟิลิป ปินส์จะหดตัว 6.9% ในปีนี้ ซึ่งเป็นการร่วงลงหนักที่สุดนับตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1980 ขณะที่รัฐบาลคาดว่าเศรษฐกิจของประเทศจะหดตัวระหว่าง 4.5% – 6.6%

.ยอดผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทะลุ 40 ล้านรายปีนี้
กูเกิล, เทมาเส็ก โฮลดิ้งส์ และเบน แอนด์ คอมพานี เปิดเผยรายงานฉบับใหม่ระบุว่า ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) มีการใช้บริการระบบดิจิทัลเพิ่มขึ้น เช่น อีคอมเมิร์ซ การจัดส่งอาหาร และการชำระเงินออนไลน์ อันเนื่องจาก การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 รายงานระบุว่า ภูมิภาคอาเซียนมีผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตเป็นครั้งแรกจำนวนมากถึง 40 ล้านรายในปี 63 ใน 6 ประเทศ ได้แก่สิงคโปร์, มาเลเซีย, อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์, เวียดนาม และไทย ซึ่งส่งผลให้จำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั้งหมดในอาเซียนเพิ่มขึ้นแตะ 400 ล้านราย โดยผู้ใช้งานใหม่จำนวนมากมาจากพื้นที่นอกเขตเมืองในมาเลเซีย, อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์
อย่างไรก็ตาม รายงานคาดว่า ภาคอินเทอร์เน็ตของอาเซี่ยนจะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และแตะ 1 00,000 ล้านเหรียญในปี 63 โดยภาคธุรกิจอีคอมเมิร์ซเติบโต 63% ขณะที่ภาคการท่องเที่ยวทางออนไลน์หดตัว 58% และโดยรวมแล้ว ภาคอินเทอร์เน็ตในภูมิภาคยังคงมีแนวโน้มที่จะเติบโตทะลุ 300,000 ล้านเหรียญภายในปี 68

.ยอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดญี่ปุ่นร่วงหนัก
  กระทรวงการคลังญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ยอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดของญี่ปุ่นในช่วงครึ่งแรกของปีงบประมาณ 63 ลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปี เนื่องจากการส่งออกและจำนวนนักท่องเที่ยวขาเข้าปรับตัวลดลง อันเป็นผลมาจากการแพร่ะระบาดของไวรัสโควิด-19 ทั้งนี้ยอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดช่วงเดือนเม.ย.-ก.ย. ลดลง 36.2% เมื่อเทียบรายปี แตะที่ 6.69 ล้านล้านเยน (64,000 ล้านเหรียญ) ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของปีงบประมาณ 57 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 5.89 ล้านล้านเยน อย่างไรก็ตาม ญี่ปุ่นมีการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดราย 6 เดือนติดต่อกันยาวนาน 13 ครั้ง     นอกจากนี้ ญี่ปุ่นมียอดเกินดุลการค้าสินค้า 9,500 ล้านเยนในช่วงเดือนเม.ย.-ก.ย. หลังขาดดุล 110,900 ล้านเยนในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ยอดส่งออกปรับตัวลดลง 19.2% แตะที่ 30.30 ล้านล้านเยนในช่วงเดือนเม.ย.-ก.ย.โดยได้รับผลกระทบจากยอดส่งออกรถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ไปยังอเมริกาเหนือที่ร่วงลงเนื่องจากการล็อกดาวน์เพื่อคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่วนยอดนำเข้าปรับตัวลง 19.5% แตะที่ 30.29 ล้านล้านเยน โดยได้รับผลกระทบจากการปรับตัวลงของราคาน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์พลังงานอื่นๆ เช่น ก๊าซธรรมชาติเหลว

.จีนชี้ทางออกเศรษฐกิจโลกหลังโควิด
นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีของจีน ชี้การส่งเสริมความร่วมมือเพื่อประโยชน์ของทุกฝ่าย และการเปิดกว้างของทุกฝ่าย จะช่วยให้เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวจากวิกฤตโควิด-19 ได้ ปธน.สี กล่าวว่า โควิด-19 เป็นเครื่องย้ำเตือนว่าทุกประเทศล้วนเชื่อมโยงกันเป็นประชาคมที่มีอนาคตร่วมกัน ไม่มีประเทศไหนรอดตัวท่ามกลางวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ และนานาประเทศต้องร่วมมือกันในฐานะพันธมิตร โดยที่แต่ละประเทศต้องรับผิดชอบหน้าที่ตัวเอง”เราต้องส่งเสริมความร่วมมือเพื่อประโยชน์ของทุกฝ่าย” ปธน.สี กล่าว พร้อมกับย้ำว่า ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน และความร่วมมือคือคำตอบในการรับมือกับความท้าทายต่างๆ
ข้อมูลจากทางการระบุว่า จีนฟื้นตัวจากโควิดรวดเร็วที่สุดในบรรดาประเทศเศรษฐกิจใหญ่ทั่วโลก โดยในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปีนี้ เศรษฐกิจจีนขยายตัว 0.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่เศรษฐกิจทั่วโลกถดถอย นอกจากนี้ ยอดนำเข้า และส่งออกของจีน ยังมีการขยายตัวเมื่อเทียบรายปีในช่วงเวลาดังกล่าวด้วย
อย่างไรก็ตาม จีนได้จัดงานมหกรรมส่งเสริมความร่วมมือ และเปิดกว้างเพื่อเป็นเวทีสำคัญสำหรับการจัดซื้อ การส่งเสริมการลงทุน การแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม และการสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศ ที่เปิดกว้างให้เกิดการแลกเปลี่ยนทั่วโลกโดยเรียกงานนี้ว่า มหกรรมงานแสดงสินค้านำเข้าประเทศจีนครั้งที่ 2 ของปี 2020
เพ่ือให้นำไปสู่การทำสัญญาซื้อขายสินค้า และบริการมูลค่าหลายหม่ืนล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่สัญญาจากประเทศที่เข้าร่วมโครงการ Belt and Road มีมูลค่า 4.7 พันล้านดอลลาร์ ส่วนมูลค่าการซื้อขายในมหกรรมนี้เพิ่มขึ้น 23% สู่ระ ดับ 71,130 หมื่นล้านเหรียญ สำหรับมหกรรมแสดงสินค้านำเข้าจีนปีนี้มีผู้เข้าร่วมงานอย่างคับคั่งทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่ ซึ่งรวมถึงบริษัทชั้นนำในอุตสาหกรรมและบริษัทที่ติดทำเนียบ Fortune 500 เกือบ 50 แห่งด้วย
โดยปธน.สี กล่าวว่า นี่เป็นการแสดงให้เห็นถึงความปรารถนาจากใจจริงของจีนในการแบ่งปันโอกาสในตลาดร่วมกับประชาคมโลก และผลักดันการฟื้นฟูเศรษฐกิจโลก

.อาลีบาบา เผยรายได้พุ่ง 30%
อาลีบาบา อีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ของจีน เปิดเผยว่า บริษัทมีรายได้ในไตรมาส 2/63 อยู่ที่ 155,000 ล้านหยวน (23,000 ล้านเหรียญ) พุ่งขึ้น 30% เมื่อเทียบรายปี อาลีบาบา ระบุว่า บริษัทมีรายได้จากธุรกิจการค้าหลัก เพิ่มขึ้น 29% เมื่อเทียบรายปี แตะที่ 130,900 ล้านหยวน และรายได้จากธุรกิจค้าปลีกในประเทศจีน เพิ่มขึ้น 26% สู่ระดับราว 95,500 ล้านหยวน นอกจากนี้ ยังมีรายได้จากระบบคลาวด์คอมพิวติ้งคิดเป็นมูลค่าเกือบ 14,900 ล้านหยวน หรือพุ่งขึ้น 60% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 2/63 อาลีบาบา เปิดเผยว่า ลูกค้าของบริษัทในประเทศจีนอยู่ที่ 757 ล้านคนต่อปี เพิ่มขึ้น 15 ล้านคน จากช่วง 12 เดือนที่ผ่านมานับถึงวันที่ 30 มิ.ย.63
นายแดเนียล จาง ประธาน และซีอีโอของ อาลีบาบา กรุ๊ป กล่าวว่า “เรายังคงโฟกัสไปที่กลไกการเติบโตในระ ยะยาว 3 ประการได้แก่ การบริโภคภายในประเทศ, คลาวด์คอมพิวติ้ง และข้อมูลอัจฉริยะ รวมถึงโลกาภิวัฒน์ เพื่อคว้าโอกาสจากความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป และการเร่งความเร็วในการผลิกโฉมธุรกิจไปสู่ระบบดิจิทัลทั่วทั้งระบบเศรษฐกิจแบบดิจิทัลของเรา”