เชือด!ธุรกิจแข่งขันทางการค้าไม่เป็นธรรม

  • กรรมการแข่งขันทางการค้าลบภาพเสือกระดาษ
  • สั่งปรับ”เอ็ม-150”พร้อมกรรมการ12ล้านบาท
  • ”เทสโก้-โลตัส”รอดกฎหมายยกประโยชน์ให้จำเลย

นายสกนธ์ วรัญญูวัฒนา ประธานกรรมการแข่งขันทางการค้า เปิดเผยว่า คณะกรรมการแข่งขันทางการค้า (กขค.) ได้ตัดสินคดีร้องเรียนผู้ประกอบธุรกิจมีพฤติกรรมแข่งขันทางการค้าที่ไม่เป็นธรรม รวม 3 คดี โดยคดีแรก เป็น การห้ามขายสินค้าของคู่แข่งในตลาดเครื่องดื่มบำรุงกำลัง และมีการร้องเรียนมาตั้งแต่ปี 55 โดยตัวแทนจำหน่ายได้ร้องทุกข์ต่อกขค.ว่า บริษัท เอ็ม – 150 จำกัด ห้ามตัวแทนจำหน่ายขายเครื่องดื่มบำรุงกำลังของคู่แข่ง หากไม่ปฏิบัติตามจะไม่ส่งสินค้าตรา เอ็ม – 150 ทำให้ตัวแทนจำหน่ายเดือดร้อน 

ทั้งนี้ ภายหลังจากการสืบสวนสอบแล้ว พบว่า บริษัทดังกล่าวมีความผิดจริง ตามพ.ร.บ.แข่งขันทางการค้าพ.ศ.2560 เพราะจำกัดการแข่งขัน แทรกแซงการประกอบธุรกิจของผู้อื่น มีผลทำลาย และจำกัดการประกอบธุรกิจของผู้ร้อง ดังนั้น กขค.จึงได้สั่งเปรียบเทียบปรับบริษัท และนายประธาน ไชยประสิทธิ์ กรรมการบริษัท รายละ 6 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 12 ล้านบาท ซึ่งได้เปรียบเทียบปรับแล้ว เมื่อวันที่ 1 ส.ค.62 เป็นผลให้คดีเลิกกัน

สำหรับคดี 2 เป็นพฤติกรรมทางการค้าที่ไม่เป็นธรรมของผู้รับซื้อผลผลิตทางการเกษตร ซึ่งร้องเรียนมาตั้งแต่ปี 61 โดยกลุ่มเกษตรกรร้องเรียนว่า ผู้รับซื้อผลผลิตทางการเกษตรจากเกษตรกรในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนและเชียงใหม่ 2 ราย มีพฤติกรรมกดราคารับซื้อผลผลิตทางการเกษตร อีกทั้งยังห้ามให้ผู้รับซื้อรายอื่นเข้ามารับซื้อในพื้นที่ ส่งผลให้ผู้ประกอบการธุรกิจรายอื่นเสียหายทางธุรกิจ โดยกขค. ได้สืบสวนสอบสวนแล้ว พบว่า ทั้ง 2 รายมีพฤติกรรมดังกล่าวจริง จึงสั่งให้ปรับเป็นเงิน 50,000 บาท แต่จำเลยรับสารภาพจึงเหลือปรับเพียง 25,000 บาท

ส่วนคดีที่ 3 ได้ร้องเรียนมาตั้งแต่ปี 54 โดยห้างบิ๊กซี และห้างคาร์ฟูร์ ได้ร้องเรียนว่า ห้างเทสโก้ โลตัส ได้โฆษณาในหนังสือพิมพ์ว่า ให้สิทธิพิเศษ 2 เท่า สำหรับลูกค้าที่ถือคูปองของคาร์ฟูร์มาซื้อสินค้าที่เทสโก้ โลตัส รวมถึงห้างเทสโก้ โลตัส ยังแจกใบปลิวในพื้นที่ห้างคาร์ฟูร์ ว่า สมาชิกบัตร คาร์ฟูร์ I Wish มีโอกาส รับ 200 บาทหากสมัครเป็นสมาชิกบัตรเทสโก้คลับการ์ด

ทั้งนี้ กขค.ตัดสินว่า โปรโมชั่นเพิ่มมูลค่าคูปองสองเท่า เป็นการกระทำความผิดตามมาตรา 29 แห่ง พ.ร.บ.การแข่งขันทางการค้า พ.ศ. 2542 ซึ่งเป็นการการะทำที่ไม่ใช่การแข่งขันโดยเสรี อย่างเป็นธรรม และมีผลทำลายธุรกิจของคู่แข่ง มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่เมื่อมีการแก้ไขกฎหมายดังกล่าวใหม่เป็น พ.ร.บ.แข่งขันทางการค้าพ.ศ.2560 ซึ่งได้ปรับปรุงโทษตามมาตรา 29 ให้เหลือเพียงโทษปรับทางปกครอง ดังนั้น ไม่สามารถนำโทษอาญามาปรับเป็นโทษปรับทางปกครองได้ จึงยกผลประโยชน์ให้จำเลย ส่งผลให้ กขค.จะนำเสนอยุติเรื่องส่งให้สำนักงานอัยการสูงสุดพิจารณาต่อไป

“ผลการตัดสิน และลงโทษ ถือเป็นลงโทษครั้งแรก หลังจากบังคับใช้พ.ร.บ.แข่งขันฉบับใหม่ ซึ่งคณะกรรมการฯ ไม่ได้เป็นแค่เสือกระดาษอีกแล้ว นอกจากนี้ ยังมีคดีร้องเรียนใหม่ๆ ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาอีก 7 เรื่องที่เข้าข่ายผิดกฎหมาย ส่วนใหญ่ผู้ประกอบการมีพฤติกรรมร่วมกันกำหนดราคา จำกัดการแข่งขัน ส่งผลให้ธุรกิจคู่แข่งเสียหาย และผู้ถูกร้องเป็นธุรกิจรายใหญ่ในตลาด เป็นบริษัทข้ามชาติ ซึ่งในจำนวนนี้ 2 เรื่องน่าจะตัดสินได้ในเร็วๆ นี้”