เจาะเศรษฐกิจ“ปีวัว”ต้อนรับปีใหม่ โตได้ หรือเลี้ยงไม่โต

แม้ว่าประเทศไทยกำลังเผชิญหน้ากับการระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ และอยู่ในภาวะอึ้มครึม ที่อาจจะมีการประกาศการล็อกดาวน์ในหลายพื้นที่ รวมทั้งล็อกดาวน์ทั่วประเทศในระยะเวลาอันใกล้นี้ ซึ่งแน่นอนจะมีกระทบต่อเนื่องถึงการใช้จ่าย การลงทุน การส่งออก รวมถึงการจ้างงานในระยะต่อไป

แต่อย่างไรก็ตาม สำหรับภาพรวมของ เศรษฐกิจไทยในปีวัว ปีใหม่ 2564  นั้น ทั้งหน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน ซึ่งวิเคราะห์ภาพรวมเศรษฐกิจไทยส่วนใหญ่ ยังประเมินว่าเศรษฐกิจไทยในปีหน้านี้ จะกลับมาขยายตัวเป็นบวกได้ในปีหน้า หลังจากที่ติดลบประมาณ 6-7% ในปี 2563 ที่กำลังจะผ่านไป

โดยส่วนใหญ่ยังประเมินว่า ไตรมาสแรกของปีหน้่าจะเป็นไตรมาสสุดท้ายที่การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยอยู่ในแดนลบ และจะเริ่มเป็นบวกในไตรมาสที่ 2 ของปี จากฐานไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ที่ติดลบสูงถึง 12.2%

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ประมาณการเศรษฐกิจปีหน้า ซึ่งบรรดาโหรเศรษฐกิจทั้งหลาย ประมาณการไว้ในช่วงเวลานี้ อาจจะคลาดเคลื่อนต่ำลงได้ หากไม่สามารถควบคุมสถานการณ์โควิด-19 ระลอกใหม่ที่กำลังกระจายตัวไปทั่วประเทศไทยในเวลานี้ได้

มาดูกันว่า ที่ 5 สำนักโหรเศรษฐกิจของไทย ว่าแต่ละสำนักประมาณการการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือจีดีพี ของประเทศไทยในปี 2564 ไว้ที่เท่าไร 

เริ่มต้นจาก สำนักงานคณะกรรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติ  (สศช.) หรือสภาพัฒน์ ให้ตัวเลขประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 64 ไว้ล่าสุด ในช่วงเดือน พ.ย.โดยคาดว่า เศรษฐกิจไทยปี 64 จะเติบโตอยู่ระหว่าง 3.5%-4.5% ซึ่ง ณ วันนี้ หลังการระบาดของโควิดระลอกใหม่ โอกาสที่เศรษฐกิจจะโตได้ในด้านต่ำคือ 3.5% หรือต่ำกว่า น่าจะมีความเป็นไปได้สูงกว่าด้านสูง

ตามมาด้วย ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือแบงก์ชาติ ซึ่งล่าสุด เพิ่งปรับลดประมาณการเศรษฐกิจปี 2564 จากที่เคยคาดไว้ว่าจะขยายตัว 3.6% ลงมาเหลือเติบโตแค่ 3.2% โดยได้รวมผลของโควิด-19 ระลอกใหม่ไว้แล้วระดับหนึ่ง แต่ตัวเลขดังกล่าว แบงก์ชาติแทงกั๊กไว้ก่อนว่า ยังผลกระทบจะแรงขึ้น และการขยายตัวจะต่ำได้อีก หากโควิดระลอกใหม่ครั้งนี้ ขยายวงกว้าง และคุมได้ล่าช้า หรือเกิดขึ้นยาวนานเกินกว่า 2 เดือน 

โดย นางสาวชญาวดี ชัยอนันต์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ให้ 3 ปัจจัยเสี่ยงของเศรษฐกิจไทย คือ   1.การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ ซึ่งสถานการณ์ในขณะนี้มีการแพร่ระบาดเพิ่มขึ้นจากในช่วงที่ ธปท.ประมาณการล่าสุด  โดยต้องติดตามการแพร่ระบาดว่าจะเป็นวงกว้างมากขึ้นหรือไม่ และสามารถที่จะควบคุมได้โดยในเวลานานเท่าไร รวมทั้งติดตามมาตรการการควบคุมการแพร่ระบาดของรัฐบาลว่าจะใช้มาตรการที่เข้มข้นหรือไม่และมีผลต่อเศรษฐกิจไทยมากขึ้นหรือไม่

2. ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับเศรษฐกิจคู่ค้า โดยเฉพาะในประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ และประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ ซึ่งได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในระลอกใหม่เช่นเดียวกัน โดยหากการขยายตัวของเศรษฐกิจคู่ค้าของไทยได้รับผลกระทบย่อมจะกระทบต่อภาคการส่งออกของไทยในระยะต่อไปด้วยเช่นกัน 

และ 3. ความเปราะบางของตลาดแรงงาน ซึ่งแม้ว่า ในภาพรวมเศรษฐกิจไทย และตลาดแรงงานในช่วงที่ผ่านมาจะค่อยๆ ปรับตัวดีขึ้น แต่ตัวเลขคนว่างงาน และผู้ขอรับสวิสดิการว่างงาน ในเดือน พ.ย.ยังอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับก่อนโควิด-19 ยังไม่ลดลง ในขณะที่ตัวเลขผู้เปรียบเสมือนคนว่างงาน คือ ทำงานไม่เกิน 20 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ในภาคเกษตร  หรือไม่เกิน 24 ชั่วโมงนอกภาคการเกษตร ในเดือน พ.ย.ยังอยู่ที่ระดับสูงถึง 2.2 ล้านคน

มาที่ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ซึ่งเป็นตัวแทนของกระทรวงการคลัง นั่นเอง ซึ่งนายวุฒิพงศ์ จิตตั้งสกุล ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะรองโฆษกสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ระบุว่า ภายในเดือนม.ค.ปี 2564 กระทรวงการคลัง เตรียมปรับประมาณการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจหรือจีดีพี ปี 2563 และ ปี 2564 ใหม่

โดยขึ้นอยู่กับผลกระทบจากโควิด-19 ระลอกใหม่ ว่าจะมีผลกระทบรุนแรงต่อภาคเศรษฐกิจหรือไม่  โดยตัวเลขจีดีพีปีหน้าอาจจะต้องปรับลดลงกว่าประมาณการณ์เดิมที่คาดจะขยายตัว 4.5 % แน่นอน

“เบื้องต้นยังเชื่อว่า โควิด-19 รอบใหม่ครั้งนี้ ผลกระทบน่าจะน้อยกว่ารอบแรก แม้ว่าจะล็อกดาวน์ หรือไม่ล็อกดาวน์ เพราะจากที่มีการคุยกับผู้ประกอบการต่างๆก็พบว่า มีการปรับตัวและเตรียมรับมือได้ดีกว่ารอบแรก”

ไปที่ภาคเอกชนกันบ้าง  เริ่มจากศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย โดยนายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2564 ยังขยายตัวอยู่ที่ 2.8%  ตามประมาณการเดิมที่ศูนย์พยากรณ์ฯเคยประเมินไว้ได้ หากทางศูนย์พ หากรัฐบาลสามารถดูแลจำกัดพื้นที่ได้การะบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ ภายใน 14 วัน จโดยะกระทบเศรษฐกิจ 30,000-60,000 ล้านบาท

แต่หากรัฐบาลคุมไม่ได้ ต้องประกาศ “ล็อกดาวน์ทั้งประเทศ” ระลอก ใหม่เช่นกัน จะกระทบกับเศรษฐกิจไทยมาก 7,000 ล้านบาทต่อวัน หรือ 200,000 ล้านบาทต่อเดือน ทำให้เศรษฐกิจในภาพรวม ขยายตัวลดลงจากที่ประมาณการไว้ 1.5%

สุดท้าย มาที่ ศูนย์วิจัยของธนาคารพาณิชย์ กันบ้าง  โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์เศรษฐกิจไทยปี 2564 เติบโตที่ 2.6% ในกรณีพื้นฐาน แต่มีสิทธิที่จะต่ำลงไปอยู่ที่ 0% ได้ในกรณีเลวร้าย   

นางสาวณัฐพร ตรีรัตน์ศิริกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิดยังเป็นตัวกำหนดทิศทางเศรษฐกิจโลกในปี 2564 นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงจากทิศทางค่าเงินบาทที่แข็งค่า และปัจจัยการเมืองในประเทศมากระทบ

ขณะที่ Economic Intelligence Center (EIC) ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินก่อนหน้าโควิด-19 จะระบาดรอบใหม่ว่าเศรษฐกิจไทยปีหน้าจะโตได้ประมาณ 3.8% โดยให้ความเสี่ยงไว้ว่า หากมีการระบาดรอบใหม่ เศรษฐกิจไทยจะโตต่ำกว่าที่คาด  โดยให้ระวัง แผลเป็นทางเศรษฐกิจที่อาจส่งผลต่อเสถียรภาพสถาบันการเงินผ่านระดับหนี้เสียที่เพิ่มขึ้น ปัญหาเสถียรภาพการเมืองในประเทศ ภัยแล้ง ค่า งินบาทที่แข็งค่าเร็วกว่าคู่ค้าคู่แข่ง แะการปรับตัวของธุรกิจที่ไม่ทันต่อการเปลี่ยนแปลงทั้งด้านเทคโนโลยีและพฤติกรรมผู้บริโภค

สรุปเศรษฐกิจไทยปี 64 แบบคิดง่ายๆ คือ เศรษฐกิจไทยยังมีแรงพอที่จะสู้ไหว แบบฮึดเฮือกสุดท้าย ถ้าผ่านพ้นโควิด ระลอกใหม่ที่ไปได้ เศรษฐกิจจะค่อยๆ ฟื้นตัวต่อเนื่อง แต่หากผ่านไม่ได้ หรือใช้เวลานาน หรือต้องล็อกดาวน์เศรษฐกิจรอบใหม่เป็นแรมเดือน เศรษฐกิจไทย คงขาดสารอาหารเกินเยียวยาถึงขั้นเลี้ยงกันไม่โต