เงินเฟ้อเม.ย.ดิ่งต่ำสุดในรอบ10ปี9เดือน

  • เหตุราคาน้ำมันลดหนักต่ำสุดรอบ11ปี2เดือน
  • มาตรการล็อกดาวน์ทำคนหาซื้อสินค้ายาก
  • ย้ำชัดไทยยังไม่เข้าสู่ภาวะเงินฝืดแน่นอน

น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยถึงดัชนีราคาผู้บริโภค (เงินเฟ้อทั่วไป) เดือนเม.ย.63 ว่า ดัชนีอยู่ที่ 99.75 เมื่อเทียบกับเดือนมี.ค.63 ลดลง 2.03% ส่วนเมื่อเทียบกับเดือนเม.ย.62 ลดลง 2.99% ต่ำสุดในรอบ 10 ปี 9 เดือน จากการลดลงของสินค้าในกลุ่มพลังงาน โดยเฉพาะน้ำมันเชื้อเพลิง ที่ดัชนีราคาลดลงสูงถึง 30.85% ต่ำสุดในรอบ 11 ปี 2 เดือน และยังมีการลดลงของค่าไฟฟ้า น้ำประปา จากมาตรการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ของรัฐบาล

ขณะเดียวกัน สินค้าจำเป็นต่อการครองชีพบางรายการ ราคาลดลง จากมาตรการของกระทรวงพาณิชย์ ในการร่วมมือกับผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค ห้างสรรพสินค้า และห้างค้าปลีก ร้านสะดวกซื้อ ปรับลดราคาเพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ทำให้เงินเฟ้อในภาพรวมลดลงมาก

อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า ขณะนี้ไทยยังไม่เข้าสู่ภาวะเงินฝืด เพราะการจะเป็นเงินฝืดได้ เงินเฟ้อต้องติดลบต่อเนื่องกันอย่างน้อย 3 เดือนขึ้นไป รวมถึงราคาสินค้าและบริการส่วนใหญ่ จะต้องลดลงติดต่อกัน แต่ขณะนี้ เงินเฟ้อไทยลดลงจากราคาน้ำมันที่ลดลงเป็นสำคัญ เพราะทำให้ต้นทุนการผลิต และการขนส่งสินค้าลดลงมาก ส่วนราคาสินค้าและบริการ ราคายังไม่ลดลงมาก โดยอาหารสดยังเคลื่อนไหวปกติ มีราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่ราคาลดลงบ้าง แต่ลดลงจากมาตรการขอความร่วมมือผู้ประกอบการให้ลดราคาขายเพื่อช่วยเหลือประชาชน

“ถ้าถามว่าต่อไปมีสิทธิ์เกิดเงินฝืดหรือไม่ ก็มีสิทธิ์ ถ้าราคาน้ำมันยังลดลงมาก หรือยังขึ้นได้ไม่ถึงกับราคาของปีก่อน ซึ่งต้องหาทางหลีกเลี่ยง และนโยบายของรัฐบาล จะมีส่วนช่วยในการขับเคลื่อนมาก เช่น การผ่อนปรนมาตรการล็อกดาวน์ ให้กลับมาทำธุรกิจ หรือทำมาค้าขายอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อให้เศรษฐกิจในประเทศขับเคลื่อนได้ และต้องเร่งส่งเสริมให้คนไทยเที่ยวไทย กินของไทย ใช้ของไทย เป็นต้น”

ส่วนแนวโน้มเงินเฟ้อในเดือนพ.ค.63 ยังมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง จากราคาน้ำมัน ที่การบริโภคยังไม่กลับสู่ภาวะปกติ และราคายังไม่ปรับขึ้นมาเท่ากับราคาในปีก่อน และสินค้าเกษตร ที่ราคาอาจลดลงจากความต้องการซื้อก็ที่ลดลง คาดว่าในไตรมาสที่ 2 จะยังติดลบ 2.28% ส่วนไตรมาสที่ 3 และ 4 น่าจะดีขึ้น และเงินเฟ้อทั้งปีจะอยู่ที่ลบ 1.0% ถึงลบ 0.2% มีค่ากลางอยู่ที่ 0.6%