เงินบาทแข็งโป๊ก 29.50 บาทต่อดอลลาร์

  • กรุงศรีชี้เงินนอกทะลักกดบาทแข็งโป้ก 29.50 บาทต่อดอลลร์สหรัฐฯ

นายตรรก บุนนาค ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านโกบอลมาร์เกสต์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า ทิศทางค่าเงินบาทในช่วงครึ่งปีหลังผันผวน คาดว่าธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟดเตรียมปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ค.และในเดือนก.ย.นี้และในไตรมาส1 ปี 63 ทำให้เงินไหลเข้าตลาดหุ้นไทยดันบาทแข็งค่าแตะระดับ30-31.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐปลายปีนี้ มีโอกาสหลุด30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐมาแตะที่ระดับ 29.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากธนาคารหลักของโลก เช่น ธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟด และธนาคารกลางยุโรปหรืออีซีบี มีแนวโน้มใช้นโยบายดอกเบี้ยผ่อนคลายหรือปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย เพื่อพยุงเศรษฐกิจส่งผลให้เงินทุนไหลเข้ามาในตลาดเกิดใหม่และไทย ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทย 50,000 ล้านบาท ขณะที่พันธบัตรซื้อสุทธิ 20,000 ล้านบาท จากปีก่อนที่ขายสุทธิหุ้นไทย 280,000 ล้านบาท และซื้อพันธบัตรสุทธิ 100,000 ล้านบาท


นอกจากนี้แนวโน้มในไตรมาส 1 ปี 63 ค่าเงินจะเคลื่อนไหว 29.75-31.25 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งขณะนี้เงินบาทแข็งค่าแล้ว 6.32% โดยการแข็งค่าจะถูกจำกัดจากภาวะเศรษฐกิจการค้าโลก การส่งออกและท่องเที่ยวชะลอตัว รวมถึงแนวทางการดูแลค่าเงินบาทของทางการ นอกจากนี้ให้ระวังกระแสเงินทุนเคลื่อนย้ายมีโอกาสกลับทิศอย่างรวดเร็วจากความไม่แน่นอนของนโยบายสหรัฐ นอกจากนี้ให้ติดตามนโยบายการค้าและการต่างประเทศของประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ เช่น สหรัฐอเมริกาและจีน การสรรหาประธานอีซีบีคนใหม่ การเจรจาเบร็กซิทก่อนเส้นตาย 31 ต.ค.นี้ รวมถึงความตึงเครียดในตะวันออกกลางและราคาน้ำมัน


ส่วนประเด็นที่มีผลต่ออัตราแลกเปลี่ยนคือสหรัฐอเมริกามีแนวโน้มลดดอกเบี้ยเพราะเศรษฐกิจชะลอตัวและผลเสียต่อสหรัฐอเมริกาจากสงครามทางการค้ายืดเยื้อมากขึ้น ท่าทีท่าทีของธนาคารกลางหลักแห่งอื่นๆ ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) เล็งลดดอกเบี้ยเช่นกัน ส่วนธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) จะยังคงรักษานโยบายการเงินแบบผ่อนคลายต่อไป ขณะที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)มีโอกาสลดดอกเบี้ยนโยบายในปีนี้ แม้เดิมคาดว่าคงดอกเบี้ยไว้ที่ 1.75% แต่ขึ้นอยู่กับสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศ และมองว่ากนง.มีขีดความสามารถในการทำนโยบายการเงินค่อนข้างจำกัด หรือมีกระสุนน้อยในการดำเนินนโยบายการเงิน


น.ส.รุ่ง สงวนเรือง ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมธุรกิจและกำกับดูแลโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยปีนี้ขยายตัว 3.2% ต่ำกว่าที่ประมาณการเดิมที่อยู่ 3.4% ซึ่งมาจากการส่งออกที่มีแนวโน้มติดลบ จากผลกระทบสงครามการค้าสหรัฐกับจีน และเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ซึ่งคาดว่าปีนี้ส่งออกขยายตัวติดลบ 1.5%


“ปัญหาสงครามการค้าจะยังคงยืดเยื้อต่อเนื่องและยังปั่นป่วนต่อไปจะส่งผลให้สถาานการณ์ความขัดแย้งขยายวงกว้างมากขึ้น ทั้งจีนที่ถูกสหรัฐต่อต้านการใช้ 5Gของจีน รวมถึงในอีกหลายประเทศ เช่น ญี่ปุ่น อียู และเม็กซิโก ที่สหรัฐเตรียมขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์ และอินเดีย ที่สหรัฐยกเลิกการให้สิทธิ์จีเอสพี ขณะที่อินเดียโต้กลับด้วยการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐ ประกอบกับการดำเนินนโยบายการเงินของแต่ละประเทศ โดยเฉพาะธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด มีแนวโน้มปรับลดอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ ซึ่งสะท้อนถึงความกังวลต่อเศรษฐกิจโลก”