เงินบาทผันผวนอ่อนค่า คาดสัปดาห์หน้าอยู่ที่ระดับ 34.00-34.60 บาทต่อดอลลาร์

  • เจอแรงขายสินทรัพย์ทั้งหุ้น
  • พันธบัตรไทยจากนักลงทุนต่างชาติ
  • จับตาเฟดในเรื่องทิศทางดอกเบี้ยที่จะประชุมพ.ค.นี้

เงินบาทสัปดาห์ที่ผ่านมาผันผวนในกรอบอ่อนค่า แต่ฟื้นตัวกลับมาได้บางส่วนปลายสัปดาห์ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า เงินบาทมีแรงหนุนช่วงสั้นๆ ต้นสัปดาห์ตามทิศทางเงินหยวน หลังจากตัวเลขจีดีพีไตรมาส 1/66 ของจีนออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด แต่ภาพรวมในช่วงต้น-กลางสัปดาห์ ยังคงเป็นการเคลื่อนไหวในกรอบที่อ่อนค่าสอดคล้องกับสกุลเงินเอเชีย เนื่องจากเงินดอลลาร์ ยังมีปัจจัยบวกจากท่าทีของเจ้าหน้าที่เฟด ซึ่งหนุนการคาดการณ์เกี่ยวกับโอกาสที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุม FOMC วันที่ 2-3 พ.ค.นี้

นอกจากนี้การอ่อนค่าของเงินบาทยังสอดคล้องกับสถานะขายสุทธิทั้งหุ้นและพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติ อย่างไรก็ดี เงินบาทฟื้นตัวกลับมาได้บางส่วนในช่วงปลายสัปดาห์ตามการฟื้นตัวขึ้นของราคาทองคำในตลาดโลกและทิศทางของสกุลเงินอื่นๆ ในเอเชีย ขณะที่เงินดอลลาร์ มีปัจจัยลบจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ออกมาอ่อนแอ อาทิ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ที่ปรับเพิ่มขึ้น และยอดขายบ้านมือสองเดือน มี.ค. ที่หดตัวลง

ในวันศุกร์ที่ 21 เม.ย. 2566 เงินบาทปิดตลาดที่ระดับ 34.37 บาทต่อดอลลาร์ เทียบกับ 34.25 บาทต่อดอลลาร์ ในวันพุธก่อนหน้า (12 เม.ย.) สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 17-21 เม.ย. 2566 นั้น นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทยที่ 3,827 ล้านบาท และมีสถานะเป็น Net Outflows ออกจากตลาดพันธบัตร 22,610 ล้านบาท (ขายสุทธิพันธบัตร 13,628 ล้านบาท ขณะที่มีตราสารหนี้หมดอายุ 8,982 ล้านบาท)

สัปดาห์ถัดไป (24-28 เม.ย.) ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทที่ระดับ 34.00-34.60 บาทต่อดอลลาร์ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ทิศทางเงินทุนต่างชาติและสกุลเงินเอเชีย ผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่น รวมถึงตัวเลขการส่งออกและรายงานเศรษฐกิจและการเงินเดือน มี.ค. ของไทย

ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีความเชื่อมั่นและตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อในมุมมองผู้บริโภคเดือน เม.ย. ยอดขายบ้านใหม่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย และอัตราเงินเฟ้อที่วัดจาก PCE/Core PCE Price Index เดือน มี.ค. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ นอกจากนี้ ตลาดยังรอติดตามจีดีพีไตรมาส 1/66 ของสหรัฐ และยูโรโซนด้วยเช่นกัน