เครือข่ายกัญชาภาคประชาชน ผนึกกำลัง ยืนยันสิทธิการใช้กัญชาภาคประชาชน ในมิติด้านสุขภาพและด้านเศรษฐกิจ

9 กรกฎาคม 2565 ที่อิมแพค เมืองทองธานี งานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ Thailand Herbal Expo 2022 สร้างเศรษฐกิจไทยด้วยกัญชาไทยนวดไทยอาหารไทย 6-10 กรกฎาคม 2565 เครือข่ายกัญชาผนึกกำลังยืนยันสิทธิ์การใช้กัญชาภาคประชาชน ร่วมแถลง จุดยืนของเครือข่ายสมุนไพร กัญชา หลังการประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภทที่ 5 พ.ศ. 2565 มีผลบังคับใช้เมื่อ 9 มิถุนายน 2565 โดยกำหนดให้ “ทุกส่วนของกัญชา” ไม่ถือว่าเป็นยาเสพติด และสารสกัดกัญชาที่มีสาร THC หรือ CBD ไม่เกิน 0.2% ไม่ถือเป็นยาเสพติด และสอดคล้องกับที่รัฐสภามีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ. 2564 โดยมีสาระสำคัญคือ การถอดกัญชา ออกจากบัญชียาเสพติด ส่งผลให้ใช้กัญชาได้อย่างเสรีกว่าแต่ก่อน ภายใต้การเป็นสมุนไพรควบคุมตาม พ.ร.บ.คุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย พ.ศ.2542 ห้ามขายให้กับสตรีมีครรภ์ และให้นมบุตร เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี และห้ามสูบในที่สาธารณะ แต่คนทั่วไปสามารถใช้ดูแลสุขภาพได้

ประชาชนทั่วไปสามารถปลูกกัญชาโดยไม่ต้องขออนุญาต เพียงแต่จดแจ้งผ่านแอปพลิเคชัน “ปลูกกัญ” ของสำนักงานอาหารและยา (อย.) รวมถึงสามารถนำไปบริโภคหรือจำหน่ายซื้อขายได้ แต่การขายกิ่งหรือเมล็ดพันธุ์ให้ดำเนินการตาม พ.ร.บ.พันธุ์พืชฯ นับว่าเป็นประโยชน์แก่กลุ่มวิสาหกิจชุมชน และ ประชาชนที่ต้องการใช้กัญชาในฐานะพืชสมุนไพรที่มีคุณสมบัติทางยา ในครัวเรือน

เครือข่ายกัญชาภาคประชาชน อันเป็นการรวมตัวกันของปราชญ์ชาวบ้าน ผู้ป่วยที่ใช้กัญชาเป็นทางเลือกในการรักษาโรคและวิสาหกิจชุมชน มีเป้าหมายในการสร้างความมั่นคงของชาติ ด้านอาหารและยา โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะอนุรักษ์ และพัฒนาสมุนไพรและภูมิปัญญาของบรรพชน มีความเห็นพ้องต้องกันว่าการปลดล็อกกัญชาออกจากบัญชียาเสพติดนั้น มีประโยชน์ต่อภาคประชาชนมากกว่าผลเสีย ดังจะเห็นได้จาก

1.สังคมไทยมีการใช้กัญชามานานตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช มีบันทึกตำรับยาที่ใช้กัญชาเป็นส่วนผสมเป็นจำนวนมาก และมีการใช้มาอย่างต่อเนื่องยาวนาน พร้อมกันนี้หมอพื้นบ้านในแต่ละภาคยังได้ใช้กัญชาในการรักษาอาการป่วยไข้ต่าง ๆ อย่างแพร่หลาย ในระดับประชาชนมีการใช้กัญชาเพื่อลดอาการเจ็บปวดต่างๆ ได้เป็นอย่างดี การปลดล็อกกัญชามีส่วนช่วยให้การทำงานด้านสุขภาพของภาคประชาชนดำเนินไปได้อย่างไม่ต้องหลบซ่อน และไม่ต้องพึ่งพาแต่ยาเคมีจากต่างประเทศ

ผู้ป่วยจำนวนมากที่ถึงทางตันจากการรักษาด้วยแพทย์แผนปัจจุบัน ได้รับประโยชน์จากการใช้กัญชาเป็นทางเลือกในการรักษา ไม่ว่าจะเป็นผู้ป่วยมะเร็งเรื้อรัง มะเร็งระยะสุดท้าย หรือกลุ่มผู้ป่วยโรคซึมเศร้าเรื้อรัง เมื่อใช้กัญชาเป็นทางเลือกแล้วอาการดีขึ้น และเมื่อมีการปลดล็อกกัญชาแล้ว ผู้ป่วยกลุ่มนี้ไม่จำเป็นต้องหลบซ่อนหรือเกรงกลัวว่าทำผิดกฎหมาย

2.กัญชาอยู่คู่กับสังคมวัฒนธรรมไทย เห็นได้จากการทิ้งร่องรอยไว้ในวรรณกรรม และภาพจิตรกรรมฝาผนังหลายแห่ง ในมิติของการใช้ในแง่สันทนาการ เห็นภาพของการเมากัญชา ว่าไม่น่าดูอย่างไร มีตำราเขียนถึงกัญชาว่าทำให้ใจขลาด ทำให้เกียจคร้าน ให้ใช้แต่พอเหมาะ มีการนำไปเป็นส่วนหนึ่งของการประกอบอาหารเพื่อให้มีรสชาติกลมกล่อม โดยไม่ทำให้เมา และได้ประโยชน์ ความรู้ในการใช้กัญชาที่สั่งสม และถ่ายทอดกันมาค่อย ๆ เลือนหายไปในช่วงที่กัญชาถูกประกาศให้เป็นพืชเสพติด แต่เราสามารถฟื้นความรู้เหล่านี้ขึ้นได้

3.การปลดล็อกกัญชาจากยาเสพติด มีส่วนช่วยอย่างยิ่งในการพัฒนาต่อยอดทางนวัตกรรม อันจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจและชุมชน ทั้งในด้านการพัฒนาสายพันธุ์กัญชาให้มีความหลากหลาย ซึ่งเป็นที่น่าเสียดายว่าขณะนี้ไทยเราอยู่ในจุดที่ล้าหลังในการพัฒนาสายพันธุ์ด้วยเหตุที่กัญชาถูกกำหนดให้เป็นยาเสพติดเป็นเวลากว่าสี่ทศวรรษ ทั้ง ๆ ที่สภาพภูมิประเทศ ภูมิอากาศของประเทศเราเอื้ออำนวยต่อการปลูกและพัฒนาสายพันธุ์กัญชา นอกจากนี้เรายังสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์จากเส้นใยกัญชา เส้นใยกัญชง เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีประโยชน์ได้ ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาเส้นใยกัญชงเพื่อทดแทนพลาสติกได้ร้อยเปอร์เซ็นต์
ด้วยเหตุผลดังกล่าวมาในนามเครือข่ายกัญชาภาคประชาชน จึงขอผนึกกำลังยืนยันสิทธิการใช้กัญชาภาคประชาชน ในมิติด้านสุขภาพและด้านเศรษฐกิจเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนอย่างยั่งยืน
โดย มีรายนามเครือข่ายกัญชาภาคประชาชน (บางส่วน) ดังนี้
• นายอร่าม ลิ้มสกุล ปราชญ์กัญชาเกาะเต่า และประธานวิสาหกิจชุมชนสมุนไพรเกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี
• นายธวัช จรุงพิรวงศ์ ประธานวิสาหกิจชุมชนไทยเฮิร์บเซ็นเตอร์ (Thai Herb Center)
• นางสาว จงรัก ศรีตัมภวา
• นางสาวณธัญญลักษณ์ ศรีชาญตระกูล
• นายคำพันธ์ วงค์ชัย
• นางสาวณัฐชยา พรมพินิจ
• นายระพีพัฒน์ แซ่ด่าน
• นายปฏิภาณ ร่วมสมัคร
• นายเจตนิพิฐ ประเสริฐภูมิดำรง
• นาง ศิวพร คำใสย์
• นายทศพร เขื่อนใหญ่
• นายรัชศักดิ์ เอกอัครบัณฑิต
• นายฉกาจ ศรีโพธิ์
• นายฐนโรจน์ โรจนกุลเสฏฐ์
• พลอากาศตรี นายเเพทย์ไกรสร วรดิถี
• ผศ.ดร.พิพัฒน์ นนทนาธรณ์ นายกสมาคมนักวิจัยแห่งประเทศไทย

ขณะเดียวกัน นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกและกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติกัญชา กัญชง พ.ศ. … และนายเเพทย์ เทวัญ ธานีรัตน์ เลขานุการกมธ.ฯ ได้ร่วมแถลงถึงร่างพ.ร.บ.กัญชา กัญชง ว่า กรมการแพทย์แผนไทยได้ทำหนังสือชุด ตำราภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยฉบับอนุรักษ์ เป็นตำรับยาแผนไทยของชาติที่เข้าตัวยากัญชาทั้งหมดในประเทศไทย ที่เป็นตำรายาหลวง ตำรับยาแผนไทย ซึ่งได้มีการลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ว่า เป็นตำรับยาที่มีคุณค่า และเป็นประโยชน์ต่อกระทรวงสาธารณสุข และการสาธารณสุขของประชาชนเป็นกรณีพิเศษ ซึ่งในหนังสือเล่มนี้ได้มีการรวบรวมเข้ากัญชาที่ได้มีการรับรองเป็นตำรับยาแผนไทยของชาติทั้งสิ้น 162 ตำรับ กรมการแพทย์ได้มีการวินิจฉัยและเป็นข้อบ่งใช้ ระบุ กลุ่มอาการ 13 โรค เช่น กลุ่มโรคกษัยกร่อน กลุ่มโรคลม โรคเด็ก โรคริดสีดวง อาการนอนไม่หลับ ยาบำรุง ยาอายุวัฒนะ อาการท้องเสีย ท้องเดินบิดป่วง โรคฝี กลุ่มไข้ กลุ่มอาการไอ กลุ่มโรคสตรี กลุ่มโรคตา และกลุ่มโรคอื่นๆ สำหรับหนังสือเล่มนี้ไม่มีวางจำหน่าย ทางกรมการแพทย์แผนไทยจะใช้วิธีอัปโหลด ซึ่งสามารถดาวน์โหลด และเข้าไปดูในเว็บไซต์ฟรี ไม่ต้องเสียค่าใช่จ่าย

นายปานเทพ กล่าวต่อว่า การประกาศโดยอาศัยพ.ร.บ.คุ้มครองส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยห้ามจำหน่ายเพื่อการสูบในที่สาธารณะ ห้ามจำหน่ายให้กับเด็กเยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปี สตรีมีครรภ์ และสตรีให้นมบุตร ดังนั้นกรณีที่เป็นข่าวทั้งหมดเกี่ยวกับเด็ก และเยาวชนที่ใช้กัญชา ทั้งหมดมีผู้กระทำความผิดทางกฎหมาย จำเป็นต้องมีผู้ได้รับบทลงโทษตามกฎหมาย ไม่ได้แปลว่าไม่มีกฎกติกา

อย่างไรก็ดี กรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.กัญชา กัญชง ได้มีการประชุมไปแล้ว 6 ครั้ง ตั้งแต่วันที่ 13 มิ.ย. 65 ถึงปัจจุบันวันที่ 8 ก.ค. 65 โดยมีมติ เรื่องการปลูกใช้ในครัวเรือน (ไม่จำหน่าย) ประชาชนจะมีสิทธิ์จดแจ้งปลูกได้ครัวเรือนละไม่เกิน 10 ต้นกัญชา การทำการจดแจ้งที่รัฐต้องทำหน้าที่ คือ จดแจ้งให้แล้วเสร็จภายใน 1 วัน ไม่มีการยืดเยื้อ ไม่เลือกปฏิบัติ การจดแจ้งปลูกในครัวเรือนเมื่อถูกต้องตามกฎหมายแล้ว ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมใดๆ ส่วนกรณีคนที่ต้องการจำหน่ายหรือปลูกมากกว่า 10 ต้นขึ้นไปต้องขออนุญาตเท่านั้น การจำหน่ายหรือการขายต้องมาพร้อมกับรับความรับผิดชอบ และการออกใบอนุญาตปลูก ผลิต ขาย แปรรูป ผลิตภัณฑ์ ใบอนุญาตจะมีการออกให้ 1 ครั้ง อายุ 3 ปี

“ สำหรับความห่วงใยในเรื่องของการคุ้มครองประชาชน และการป้องกันการใช้ช่อดอกกัญชาในทางที่ผิด กำหนดให้มีกฎหมายเพิ่มเกี่ยวข้องกับมาตรการในการคุ้มครอง และการป้องกัน การใช้กัญชาในทางที่ผิด ดังต่อไปนี้ 1) การคุ้มครองประชาชนบางกลุ่มไม่ให้เข้าถึงกัญชา กัญชง สารสกัดไม่ว่าจะมีใบอนุญาตหรือไม่มีก็ตาม ห้ามสตรีมีครรภ์ สตรีให้นมบุตร ห้ามคนที่อายุต่ำกว่า 20 ปี
2) ป้องกันวิธีการขายกัญชา กัญชง ที่เสี่ยงหรือสุ่มเสี่ยงใช้ในทางที่ผิด และเพื่อไม่ให้ส่งเสริมการขายช่อดอกหรือเอาช่อดอกไปส่งเสริมการขาย จึงห้ามผู้ที่ขายกัญชาทำสิ่งต่อไปนี้ คือ ห้ามซื้อขายโดยเครื่องขายคือหยอดเหรียญ ตู้หยอดเหรียญ เพราะไม่สามารถตรวจสอบเด็กเยาวชนสตรีมีครรภ์และสตรีให้นมบุตรได้ และเป็นการป้องกันกลุ่มทุนรายใหญ่ข้ามชาติค้าขายออนไลน์ทางอินเตอร์เน็ต เท่ากับเป็นการคุ้มครองประชาชนรายย่อยในการค้าขายกัญชาด้วย ไม่ให้มีการขายผ่านสื่อทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือเครือข่ายคอมพิวเตอร์ หรือเครือข่ายออนไลน์ ดังนั้น ต้องปรากฏตัว ต้องแสดงบัตรประชาชนเท่านั้นถึงจะมีสิทธิ์ซื้อขายกัญชาได้
3) การขายช่อดอกกัญชา ช่อดอกกัญชง จากกระทำการนอกสถานที่ที่ระบุไว้ในการขออนุญาตไม่ได้
4) ห้ามขายช่อดอกกัญชา กัญชง เพื่อวิธีการแจก แถม หรือการแลกเปลี่ยนสินค้าอย่างอื่น หรือสิทธิประโยชน์อย่างอื่นไม่ได้ เพราะเป็นแรงจูงใจ ห้ามแสดงการลดราคาขาย ณ จุดขาย หรือการทำโปรโมชัน
5) การเสนอให้สิทธิ์เข้าชมการแข่งขันการชิงโชคเพื่อแลกกับช่อดอกกัญชา กัญชง ทำไม่ได้ และห้ามแสดงราคา ณ จุดขายลักษณะจูงใจต่อผู้บริโภค ทั้งนี้ กฎกติกาเป็นไปแบบเดียวกันกับบุหรี่ ดังนั้นเราไม่ใช้กฎกติกาเข้มกว่าบุหรี่ แต่ต้องไม่ด้อยกว่าบุหรี่ เพราะมีควัน
6) ห้ามขายในสถานที่ดังต่อไปนี้ วัด สถานที่สำหรับการปฏิบัติพิธีกรรมทางศาสนา สถานศึกษาโรงเรียนต่างๆ หอพัก สวนสาธารณะ สวนสัตว์ สวนสนุก สวนสาธารณะที่ประชาชนมาออกกำลังกาย ขนส่งสาธารณะ สนามบิน ท่าเรือ ทั้งหมดเป็นข้อกำหนดเช่นเดียวกันกับมาตรการของยาสูบหรือบุหรี่ไม่เกินขอบเขตนี้แต่ก็ไม่ต่ำกว่านี้
7) ห้ามนำไปเพื่อนันทนาการในที่สาธารณะ
8) ห้ามทุกกรณี กับการใช้ช่อดอกไปใส่ในอาหาร จากการสำรวจทางวิชาการเห็นว่ามีความสุ่มเสี่ยงอย่างยิ่งที่ประชาชนจะได้รับผลกระทบมาก และอาจจะทำให้ภาพลักษณ์กัญชาเสื่อมเสีย ที่มีจำนวนผู้คนต้องเข้าโรงพยาบาลจากอาการข้างเคียงที่บริโภคดอกกัญชาด้วยการรับประทาน ซึ่งจะมีอาการแรงกว่าการสูบ 3-7 เท่าตัว จึงไม่อนุญาตการให้ช่อดอกใส่ในอาหาร
9) ห้ามสูบกัญชาในระหว่างขับรถ เพราะอาจจะเกิดอุบัติเหตุภายใน 10 นาที หลังจากการหลับ ต้องคุ้มครองคล้ายกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

นอกจากนี้ นายปานเทพ ได้กล่าวเชิญชวนให้ประชาชน เข้ามาร่วมทำประชาพิจารณ์ ผ่านเพจเฟซบุ๊ก “ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์” เพื่อที่จะได้นำความคิดเห็นของพี่น้องประชาชน ไปปรับปรุงแก้ไขข้อมูล หรือปรับปรุงกฎหมายให้สมบูรณ์ต่อไป ดังนั้น ขอให้พี่น้องประชาชนได้คลายความกังวลว่า ร่างกฎหมายที่จะกำหนดขึ้นนั้น จะเป็นการลดความเหลื่อมล้ำของคนจนที่สามารถปลูกได้โดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม แต่ในขณะเดียวกันก็คุ้มครองประชาชนส่วนอื่นที่เขาไม่ต้องการใช้กัญชาด้วย