- กระตุ้นเศรษฐกิจไตรมาส 4 ปลายปี
- คาดดันจีดีพีไทยเติบโตถึง 2.8%
- สคร.เผยยอดเบิกจ่ายสะสมถึง 82% แล้ว
นายอุตตม สาวนายน รมว.คลังเปิดเผยหลังประชุมติดตามและเร่งรัดการเบิกจ่ายงบลงทุนรัฐวิสาหกิจ ซึ่งมีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เป็นประธานประชุมว่า ในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้ หรือในช่วง 2 เดือนที่เหลืออยู่ รัฐวิสาหกิจทั้งหมด 45 แห่ง อาทิ บริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) และบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เป็นต้น จะมีการเบิกจ่ายงบลงทุนอีกประมาณ 100,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าการเบิกจ่ายนี้จะส่งผลบวกต่อเศรษฐกิจช่วงปลายปี ทำให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ(จีดีพี) เติบโตอยู่ที่ 2.8% ตามที่คาดการณ์ไว้
“สำหรับวงเงินงบประมาณลงทุนทั้งหมดของรัฐวิสาหกิจปี 2562 อยู่ที่ 360,000 ล้านบาท โดยปัจจุบันมีการเบิกจ่ายไปแล้วกว่า 80% ส่วนช่วงปลายปีคาดว่ารัฐวิสาหกิจจะมีการเบิกจ่ายงบลงทุนได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 100,000 ล้านบาท”
ขณะที่โครงการใดที่ไม่สามารถเบิกจ่ายได้ตามเป้า ได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) คอยติดตามคณะกรรมการที่ได้รับมอบหมายดูแลโครงการนั้นๆ เร่งติดตามการเบิกจ่ายโครงการให้เป็นไปตามแผนมากที่สุด
“การลงทุนที่อาจล่าช้าไปในช่วงนี้ เนื่องจากปตท.มีการปรับแผนลงทุน เพราะเดิม ปตท.ตั้งงบไว้ซื้อหุ้นบริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ จีพีเอสซี เพื่อเพิ่มทุน แต่นักลงทุนรายย่อยได้กว้านซื้อไปหมดแล้ว จึงไม่ต้องเพิ่มเงินลงทุน”
ด้านนายประภาศ คงเอียด ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เปิดเผยว่า การเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจปีปฏิทินในปี 2562 มีผลการเบิกจ่ายงบลงทุนสะสมตั้งแต่เดือนม.ค.2562 – ต.ค. 2562 จำนวน122,088 ล้านบาท หรือคิดเป็น 82% ของแผนการเบิกจ่ายลงทุนสะสม
ทั้งนี้ผลการเบิกจ่ายงบลงทุนส่วนใหญ่มาจากรัฐวิสาหกิจที่มีโครงการลงทุนขนาดใหญ่ อาทิ โครงการโรงไฟฟ้าบางปะกง (ทดแทนเครื่องที่ 1 – 2) และโครงการปรับปรุงระบบไฟฟ้าภาคตะวันตกและภาคใต้เพื่อเสริมความมั่นคงระบบไฟฟ้า ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และแผนปรับปรุงและขยายระบบจำหน่ายพลังไฟฟ้า ฉบับที่ 12 ปี 2560 – 2564 ของการไฟฟ้านครหลวง ที่สามารถเบิกจ่ายเป็นไปตามเป้าหมาย
“รองนายกรัฐมนตรีได้มอบนโยบายรัฐวิสาหกิจให้เร่งรัดการเบิกจ่ายรัฐวิสาหกิจอย่างต่อเนื่อง โดยให้เร่งลงทุนในส่วนโครงการที่สามารถดำเนินการได้ก่อน และให้รัฐวิสาหกิจเสนอโครงการลงทุนเพิ่มเติม เพื่อให้กรอบลงทุนในภาพรวมเพิ่มขึ้น”
