อิสราเอลกังวัล ไวรัสสายพันธุ์เดลตาระบาด พบผู้ติดโควิดรายใหม่ 123 ราย เพิ่มสูงสุดตั้งแต่ 22 เม.ย. แพทย์เตือนวัคซีนไฟเซอร์มีความเสี่ยงเกิดลิ่มเลือดอุดตัน

มีรายงานข่าวว่า ประเทศอิสราเอล ซึ่งเป็นประเทศหนึ่งที่ประสบความสำเร็จกับการรับมือการแพร่ระบาดไวรัสโควิดจากการเร่งฉีดวัคซีนให้พลเมือง จนสถานการณ์กลับมาดีขึ้นเรื่อยๆ รัฐบาลได้ประกาศยกเลิกการสวมหน้ากากอนามัยในสถานที่กลางแจ้ง ล่าสุดในช่วง 24 ชั่วโมงพบตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่จำนวน  123 ราย นับเป็นจำนวนที่เพิ่มขึ้นสูงสุดตั้งแต่วันที่ 22 เมษายนที่ผ่านมา ท่ามกล่างการกังวัลถึงการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธ์เดลต้า (อินเดีย)

สำหรับตัวเลขผู้เสียชีวิตเป็นศูนย์ นับเป็นวันที่ 8 ติดต่อกันที่อิสราเอลไม่พบผู้เสียชีวิต ส่วนอัตราการฉัดวัคซีนเข็มแรกฉีดไปแล้ว 59.14%  ส่วนเข็มที่สองฉีดให้กับพลเมือง 55.40% และได้เริ่มฉีดวัคซีนให้กับเยาวชนอายุระหว่าง 12-15  ปีแล้ว

นอกจากนี้ ยุโรปกำลังเจอกับการระบาดของไวรัสเดลตาอย่างหนัก การระบาดของไวรัสเดตาส่งผลให้ยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้น ตั้งแต่โปรตุเกส เยอรมนี จนถึงสหราชอาณาจักร. ดลตากำลังอาละวาดหนักมากขึ้นในยุโรป ทำให้หลายประเทศต้องพิจารณาการคลายล็อกดาวน์ใหม่

ขณะเดียวกัน สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ศูนย์การแพทย์ชาเมียร์ของอิสราเอลเปิดเผยว่า วัคซีนของบริษัทไฟเซอร์เพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดโรค Thrombotic Thrombocytopenic Purpura (TTP)  ซึ่งเป็นโรคที่ทำให้เกิดลิ่มเลือดอุดตันในอวัยวะต่างๆ ขณะที่มีเกล็ดเลือดต่ำ ทำให้ผู้ป่วยมีอาการอ่อนเพลีย เจ็บหน้าอก ระบบประสาททำงานผิดปกติ รวมทั้งมีอาการตกเลือดในร่างกาย 

อย่างไรก็ตาม หากผู้ป่วยได้รับการวินิจฉัยโรค และเข้ารับการรักษาตั้งแต่มีอาการเริ่มแรก ก็จะช่วยเพิ่มโอกาสของการฟื้นตัวจากเดิม 10% สู่ระดับ 80% ในปัจจุบัน พร้อมกันให้คำแนะนำว่าผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนควรเฝ้าระวังสุขภาพ โดยหากมีอาการของโรค TTP ก็ให้รีบแจ้งโรงพยาบาลเพื่อเข้ารับการรักษาตัว

ที่มา www.worldometers

xinhuanet