“อาคม”​ ย้ำกู้เงินช่วงโควิด 1.5 ล้านล้าน ส่งผลหนี้สาธารณะของประเทศเพิ่มขึ้น 

  • รมว.คลังร่วมประชุม “World Economic Forum 2023”
  • เมื่อโควิดคลี่คลาย นโยบายการเงินคลังกลับมาสู่ภาวะปกติ
  • เดินหน้าพัฒนาจัดเก็บรายได้และปฏิรูปภาษี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่  18 มกราคม 2566 ที่ผ่านมา  นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ร่วมการเสวนา ในหัวข้อ ” Fiscal Expansion: A Welcome Return or Ticking Bomb?”  กับ Mr. Raghuram G. Rajan ผู้ว่าการธนาคารกลางอินเดีย Miss Gita Gopinath, First Deputy Managing Director กองทุนการเงินระหว่างประเทศ และ Mr. Paolo Gentiloni  ประธานกรรมาธิการด้านเศรษฐกิจ สหภาพยุโรป ในโอกาสเข้าร่วมประชุม World Economic Forum 2023 ณ เมืองดาวอส สมาพันธรัฐสวิส  

โดยนายอาคม กล่าวว่า  การบริหารจัดการนโยบายการเงินการคลัง โดยในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 รัฐบาลได้มีการกู้ยืมถึง 1.5 ล้านล้านบาท เพื่อแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดดังกล่าวและเยียวยาผลกระทบที่เกิดขึ้น ซึ่งการรักษาเสถียรภาพในนโยบายการเงินทำให้นโยบายการคลังสามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ อย่างไรก็ดี การกู้ยืมดังกล่าวทำให้ระดับหนี้สาธารณะของประเทศเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้หลังจากแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้คลี่คลายลง การดำเนินนโยบายการเงินและนโยบายการคลังได้กลับมาสู่ภาวะปกติอีกครั้ง กล่าวคือ มีการปรับขึ้นดอกเบี้ยเพื่อควบคุมภาวะเงินเฟ้อ และมุ่งเน้นการชำระหนี้สาธารณะที่เพิ่มสูงขึ้น

ส่วนการใช้มาตรการด้านการคลังนั้น ยังคงเป็นไปเพื่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ โดยพิจารณาการรักษาดุลการคลังประกอบไปด้วย ทั้งนี้ มีเป้าหมายให้ดุลการคลังอยู่ในระดับต่ำกว่าร้อยละ 3 จึงต้องพัฒนาจัดเก็บรายได้และปฏิรูปภาษีไปพร้อมกันด้วย อาทิ การขยายฐานภาษีเงินได้ การริเริ่มภาษีธุรกรรมทางการเงินและภาษีการให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น

นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้เน้นย้ำถึงการทำงานร่วมกันระหว่างกระทรวงการคลังและธนาคารกลาง เช่น การกำหนดเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อร่วมกัน โดยยังคงต้องรักษาเป้าหมายการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจไปด้วย โดยเฉพาะในช่วงที่เศรษฐกิจเพิ่งฟื้นตัวจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 เป็นต้น โดยสิ่งที่ควรได้รับการพิจารณาอย่างระมัดระวังคือ การลดหรือเลิกมาตรการประชานิยมที่ไม่มีความจำเป็นแล้ว โดยเป็นไปตามกฎหมายด้านการเงินการคลัง