“คลัง”​ ย้ำเก็บภาษีหุ้น-คลิปโต เพื่อขยายฐาน-เพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษี

  • เพื่อนำเงินมาพัฒนาประเทศ
  • เก็บภาษีเพื่อความเป็นธรรมทุกฝ่าย
  • ไม่ได้เว้นเก็บภาษีคนรวยเล่นหุ้น-คลิปโต

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง เปิดเผยว่า การจัดเก็บภาษีหุ้นและภาษีสินทรัพย์ดิจิทัล เพื่อขยายฐานภาษี เพิ่มประสิิทธิภาพการจัดเก็บภาษี และนำเม็ดเงินมาพัฒนาประเทศ โดยฐานการจัดเก็บรายได้จะต้องเติบโตตามผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ(จีดีพี)​ แต่ประเทศไทย ไม่ได้ขยายฐานภาษีมานานมาก โดยเฉพาะภาษีหุ้น ไม่มีการจัดเก็บภาษีมานานกว่า 30 ปี เนื่องจากในช่วงนั้นรัฐบาล ต้องการสนับสนุนการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยให้มีการเติบโต และเมื่อเติบโต และแข็งแกร่งแล้ว ถึงเวลาที่จะต้องจัดเก็บ เพราะมีรายได้ ก็ต้องเสียภาษี ตามกฎหมาย เพราะหากไม่มีการเสียภาษี ก็ไม่มีเงินไปพัฒนาประเทศ ซึ่งเป็นหลักการเหมือนกันทุกประเทศทั่วโลก

“ได้มอบหมายกรมสรรพากร ไปศึกษารายละเอียดของการจัดเก็บภาษีหุ้น ที่ยกเว้นไว้ ว่าจะนำมาจัดเก็บเมื่อใด และอัตราเท่าใด ดังนั้นรอผลการศึกษาของกรมสรรพากรก่อน อย่างไรก็ตามในปัจจุบันแม้จะไม่มีการจัดเก็บภาษีหุ้น แต่ก็มีการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ของค่าธรรมเนียมหรือค่าโบรกเกอร์ในสั่งซื้อ-ขายแต่ละครั้ง ส่วนกำไรจากการซื้อขายหุ้น ได้รับการยกเว้นภาษีมาเป็นเวลา 30 ปีแล้ว ฉะนั้นก็ควรถึงเวลาที่จะจัดเก็บ เพื่อความเท่าเทียมและเป็นธรรมกับทุกฝ่ายที่เสียภาษี”

นายอาคม กล่าวต่อว่า สำหรับภาษีสินทรัพย์ดิจิทัล หรือ คริปโตเคอเรนซีนั้น ตามบทบัญญัติของกฎหมายการจัดเก็บภาษีสรรพากร มีการจัดเก็บมาตั้งแต่ปี2561 ซึ่งที่ผ่านมามีหลายรายเสียภาษีแล้ว เพราะถือว่าเป็นผู้มีรายได้ แต่เนื่องจากปีนี้ กรมสรรพากร ได้ปรับแบบฟอร์มการเสียภาษีเงินได้บุคลธรรมดา (ภงด.)ให้ชัดเจนย่ิงขึ้น เพื่อให้ผู้เสียภาษีเข้าใจง่ายและสะดวก แต่ได้กลายเป็นประเด็นคัดค้าน ดังนั้นจึงมอบหมายให้กรมสรรพากร ไปทำความเข้าใจผู้ที่มีรายได้สินทรัพย์ดิจิทัล และผู้ประกอบการดิจิทัลด้วย ซึ่งจะต้องเร่งทำความเข้าใจก่อนการสิ้นสุดการยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมประจำปี2564 ที่กำหนดไว้การยื่นเอกสารภาษีเป็นกระดาษ​ต้องภายในวันที่ 31 มี.ค. ส่วนการยื่นออนไลน์ภายในวันที่ 8 เม.ย.นี้

“การเสียภาษีคลิปโต ไม่ได้ต้องการควบคุมการขยายตัวของตลาดคริปโต แต่เนื่องจากภาษีนี้ กำหนดไว้ในกฎหมายอยู่แล้ว ถ้ากรมสรรพากรไม่จัดเก็บ ถือว่าละเว้น ฉะนั้นกรมสรรพากร ก็ต้องจัดเก็บภาษีคลิปโตตามหน้าที่ ส่วนจะจัดเก็บในรูปแบบใด จะปรับเปลี่ยนวิธีการจัดเก็บหรือไม่ รอผลการหารือกับสมาคมสินทรัพย์ดิจิทัลให้เรียบร้อยก่อน จึงจะให้คำตอบได้ว่า ทางออกจะเป็นอย่างไร”

นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช. คลัง กล่าวว่า การจัดเก็บภาษีหุ้น และภาษีคลิปโต เป็นหน้าที่ของทุกคนที่มีรายได้จากหุ้นและคลิตโต ที่ต้องเสียภาษี และเมื่อมีการเสียภาษีถูกต้อง ก็จะไม่มีการตรวจสอบ แต่ถ้าไม่เสียภาษี หรือเลี่ยงภาษี ก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย ส่วนสรรพากร ถ้าไม่จัดเก็บตามที่กฎหมายกำหนด ก็อาจถูกกล่าวหาว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ได้

“การจัดเก็บภาษี รัฐบาลไม่ได้จัดเก็บฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่เป็นการจัดเก็บจากผู้ที่มีรายได้ มีการทำธุรกิจ มีภาษีซื้อ ภาษีขาย ภาษี หัก ณ ที่จ่าย เพื่อความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและเท่าเทียม ทั่วถึง ที่ผ่านมาไม่มีการจัดเก็บภาษีหุ้น เพราะต้องการสนับสนุนตลาดหุ้นให้แข็งแกร่ง และวันนี้ผ่านมา 30 ปีแล้ว ถือว่า แข็งแกร่งแล้ว ก็ต้องเก็บภาษี มิเช่นนั้น อาจถูกตั้งประเด็นอีกว่า ไม่เก็บภาษีคนรวย ดังนั้นก็ต้องเก็บภาษี แต่จะเก็บแบบไหน อัตราเท่าใด รอผลการศึกษากรมสรรพากร เพื่อความชัดเจน”