อังกฤษระบุวัคซีนต้านไวรัสของแอสตราเซเนกา มีประโยชน์มากกว่าความเสี่ยงแม้จะพบผู้เสียชีวิต 7 ราย

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า หน่วยงานกำกับดูแลผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพและยา  หรือ Medicines and Healthcare Regulatory Agency(MHRA) ของอังกฤษ ได้ออกมาเรียกร้องให้พลเมืองอังกฤษรับวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ของ ‘แอสตราเซเนกา’  ต่อไปแม้จะมีรการเปิดเผยว่ามีพลเมืองจำนวน 7 คนในอังกฤษ เสียชีวิตจากลิ่มเลือดอุดตันหลังจากได้รับวัคซีนดัวกล่าว  แต่ก็ไม่ได้เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับอายุหรือเงื่อนไขด้านสุขภาพ

MHRA กล่าวว่ายังไม่มีความชัดเจนว่า ภาวะลิ่มเลือดดังกล่าวจะเกิดขึ้นจากการฉีดวัคซีนหรือไม่และ “การตรวจสอบอย่างเข้มงวดยังดำเนินอยู่” โดยภาพรวมแล้ว MHRA กล่าวว่าได้ระบุผู้ป่วยลิ่มเลือดอุดตันจำนวน 30 รายจากพลเมือง 18.1 ล้านโดสที่ได้รับจนถึงวันที่ 24 มีนาคม ซึ่งความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับลิ่มเลือดดังกล่าวนับว่า “จำนวนน้อยมาก” 

“ประโยชน์ของวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ของแอสตราเซเนกาในการป้องกันการติดเชื้อและภาวะแทรกซ้อนยังคงมีมากกว่าความเสี่ยงและประชาชนควรได้รับวัคซีนต่อไปเมื่อได้รับเชิญให้ฉีด” ดร.จูน เรเน่  ผู้บริหารระดับสูงของ MHRA กล่าว

ความกังวลเกี่ยวกับวัคซีนแอสตราเซเนกา บางประเทศรวมถึงแคนาดา, ฝรั่งเศส, เยอรมนีและเนเธอร์แลนด์ ได้จำกัดการใช้งานในกลุ่มผู้สูงอายุ

อังกฤษได้เปิดตัววัคซีนโคโรนาไวรัสเร็วกว่าประเทศในยุโรปอื่น ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องพึ่งพาวัคซีนแอสตราเซเนกา ซึ่งได้รับการพัฒนาโดยนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด นอกจากนี้ยังใช้วัคซีนที่พัฒนาโดยไฟเซอร์ ซึ่งหน่วยงานดังกล่าวยังไม่พบรายงานเหตุการณ์ลิ่มเลือดใด ๆ

ล่าสุดจนถึงวันเสาร์อังกฤษได้มีการฉีดวัคซีนโดสแรกแก่พลเมืองแล้ว 31.4 ล้านคนหรือประมาณ 46% ของจำนวนประชากรซึ่งเป็นอัตราที่สูงกว่าส่วนอื่น ๆ ของยุโรป และผู้ที่ได้รับการชฉีดโดสที่สองแล้วจำนวน  5.2 ล้านคน

ความสำเร็จของโครงการฉีดวัคซีนของประเทศได้รับการยกย่องว่าช่วยลดการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในอังกฤษได้อย่างรวดเร็ว และนำไปสู่การผ่อนคลายข้อจำกัดสำหรับการรวมตัวกันในกลุ่มคนขนาดเล็ก

ในวันเสาร์ที่ผ่านมาอังกฤษ พบตัวเลขผู้เชื้อใหม่อีก 3,423 รายเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือนของวันก่อนหน้าที่ 3,402 ราย นอกจากนี้ยังมีผู้เสียชีวิตเพียง 10 รายซึ่งเป็นยอดรวมรายวันต่ำสุดนับตั้งแต่ต้นเดือนกันยายน