“ออริจิ้น” โชว์ยอดขายครึ่งปีแรก 65 กวาดไปกว่า 1.77 หมื่นล้าน ลั่นกลอนรบต่อครึ่งปีหลัง ปักหมุดผุดคอนโด-บ้าน เพิ่ม 20 โครงการ มูลค่า 26,500 ล้านบาท

  • ชูโครงการเรือธง “บริกซ์ตัน แคมปัส บางแสน” โดนใจตลาด Niche กวาดยอด Sold Out
  • “ออริจิ้น ปลั๊ก แอนด์ เพลย์ นนทบุรี สเตชั่น” และ “โซ ออริจิ้น เกษตร อินเตอร์เชนจ์” โดนใจลูกค้า Gen Y และกลุ่มไฮเอนด์ กวาดยอดขายทะลุ 70-90%
  • ย้ำกุญแจสู่ความสำเร็จคือความเข้าใจผู้บริโภค ทั้งด้านการพัฒนาสินค้าตอบโจทย์ตลาดยุคใหม่
  • ออกแคมเปญ “Multiverse of Sales” และ “โปรแร๊ง เกินปุยมุ้ย” สร้างสีสันต่อเนื่อง มั่นใจครึ่งปีหลังตลาดยังแกร่งจากหลายปัจจัยบวก

นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2565 (ม.ค.-มิ.ย.) บริษัทมียอดขายสะสมจากโครงการที่อยู่อาศัยในเครือทั้งสิ้น 17,772 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันของปี 2564 ถึงกว่า 13% และคิดเป็น 51% ของเป้าหมายทั้งปีที่ 35,000 ล้านบาท 

โดยจากยอดขายดังกล่าว แบ่งเป็นยอดขายจากกลุ่มโครงการคอนโดมิเนียม 73% กลุ่มโครงการบ้านจัดสรร 27% หากแบ่งตามสถานะโครงการ มีสัดส่วนยอดขายจากโครงการพร้อมอยู่ (Ready to move) 61% และจากกลุ่มโครงการที่เพิ่งเปิดขายหรืออยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง (On-going) ราว 39% หากนับเฉพาะยอดขายในช่วงไตรมาส 2/2565 (เม.ย.-มิ.ย.2565) บริษัทสามารถสร้างยอดขายได้สูงถึงกว่า 9,623 ล้านบาท นับเป็น All Time High ใหม่ ของบริษัท 

ทั้งนี้ โครงการใหม่ที่สามารถสร้างยอดขายได้อย่างต่อเนื่อง ได้แก่ โครงการคอนโดมิเนียมเจาะตลาดผู้บริโภค Gen Y ออริจิ้น ปลั๊ก แอนด์ เพลย์ สิรินธร สเตชั่น (Origin Plug & Play Sirindhorn Station) และออริจิ้น ปลั๊ก แอนด์ เพลย์ นนทบุรี สเตชั่น (Origin Plug & Play Nonthaburi Station) มียอดขายสะสมสูงกว่า 70% และโครงการคอนโดมิเนียมเจาะตลาดผู้บริโภคไฮเอนด์ โซ ออริจิ้น เกษตร อินเตอร์เชนจ์ (So Origin Kaset Interchange) มียอดขายสะสมสูงกว่า 90% 

“ขณะเดียวกัน โครงการใหม่ซึ่งเจาะตลาดผู้บริโภค Niche ในแถบเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) อย่างบริกซ์ตัน แคมปัส บางแสน (Brixton Campus Bangsaen) ก็สามารถปิดการขาย (Sold Out) ได้อย่างรวดเร็วใน 1 เดือน โดยแม้ออริจิ้น ปลั๊ก แอนด์ เพลย์, บริกซ์ตัน รวมถึงโซ ออริจิ้น จะเป็นแบรนด์ใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวในปีที่แล้วและปีนี้ แต่ยังได้รับความไว้วางใจจากผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง เพราะบริษัททำการบ้านอย่างหนักเรื่องความต้องการของลูกค้า ปรับตัวเร็ว ปรับตัวไว และพัฒนาแต่ละโครงการให้ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดยุคใหม่ ทั้งการทำห้อง Duo Space เพดานสูง 4.2 เมตร เพิ่มความรู้สึกโอ่อ่า กว้างขวางในการใช้ชีวิต การเปิดตัวคอนโดมิเนียมเลี้ยงสัตว์ได้ในหลากหลายทำเล ไปจนถึงการออกแคมเปญสร้างสีสันและกระตุ้นตลาดอย่าง “Multiverse of Sales” และ “โปรแร๊ง เกินปุยมุ้ย” ที่สยามพารากอน เพิ่มโอกาสการเข้าถึงคอนโดมิเนียมคุณภาพ ในราคาจับต้องได้ ให้แก่ผู้บริโภค” นายพีระพงศ์ กล่าว 

นายพีระพงศ์​ กล่าวอีกว่า สำหรับในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2565 บริษัทยังคงเฝ้าติดตามหลากหลายประเด็นที่สำคัญต่อการใช้ชีวิตของผู้คน สภาพเศรษฐกิจ และสถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์อย่างต่อเนื่อง อาทิ การแพร่ระบาดและความรุนแรงของ COVID-19 สายพันธุ์โอมิครอน BA.4 และ BA.5 สถานการณ์เงินเฟ้อ การปรับตัวของอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อที่อยู่อาศัย อย่างไรก็ดี บริษัทเชื่อมั่นว่าทั้งภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง ยังคงเดินหน้าอย่างจริงจังในการรับมือกับปัจจัยทั้งหมดข้างต้น ขณะที่กำลังซื้อของผู้บริโภคในหลายเซ็กเมนท์ยังมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง สังเกตได้จากอัตราการดูดซับของโครงการในหลายทำเล ที่ยังคงมีแนวโน้มที่ดี 

ทั้งนี้ บริษัทพร้อมเดินหน้าเปิดโครงการที่อยู่อาศัยเพิ่มเติมในครึ่งปีหลังอีก 20 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 26,500 ล้านบาทตามแผน แบ่งเป็น กลุ่มโครงการคอนโดมิเนียม 10 โครงการ มูลค่าโครงการประมาณ 15,600 ล้านบาท กระจายตัวทั้งตลาดคอนโด Gen Z, Gen Y, ไฮเอนด์ ไปจนถึงตลาดซูเปอร์ลักชัวรี และกลุ่มโครงการบ้านจัดสรร 10 โครงการ มูลค่าโครงการประมาณ 10,900 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นการรุกหนักในช่วงไฮซีซั่น หลังจากที่ครึ่งปีแรกเปิดตัวใหม่ไปเพียง 2 โครงการ 

จากการติดตามสถานการณ์ให้พร้อมปรับตัวกับทุกปัจจัยภายนอก และความพร้อมในการบุกตลาดอย่างต่อเนื่อง บริษัทมั่นใจว่า จะสามารถสร้างยอดขายได้มากกว่า 35,000 ล้านบาท และสร้างสถิติ All Time High ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้