ออริจิ้นเผย อานิสงส์ผ่อนคลายมาตรการต่างชาติร่วมทุน บ้าน-คอนโด 5 โครงการ

  • คาดว่ารายได้ปีนี้1.7หมื่นล้านตามเป้าหมาย
  • ไตรมาส1บริษัทมีกำไรสุทธิที่ 738 ล้านบาท
  • มีรายได้รวมอยู่ที่ 3,776 ล้านบาท

นายพีระพงศ์ จรูญเอกประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) เผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2565 (ม.ค.-มี.ค.2565) บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 3,776 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดโอนกรรมสิทธิ์ของคอนโดมิเนียมและบ้านจัดสรรที่ไม่ได้อยู่ภายใต้กิจการร่วมค้า (Non-JV) กว่า 3,041 ล้านบาท และรายได้อื่น เช่น ธุรกิจโรงแรม ธุรกิจบริการ รายได้พิเศษจากกิจการร่วมทุน รวมถึงรายได้จากการบริหารโครงการร่วมทุนที่มีการรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิที่ 738 ล้านบาท

สำหรับโครงการที่มีส่วนสำคัญต่อการสร้างยอดโอนกรรมสิทธิ์ในไตรมาส 1/2565 ประกอบด้วย โครงการที่เริ่มโอนกรรมสิทธิ์เป็นครั้งแรกอย่างโครงการคอนโดมิเนียม ดิ ออริจิ้น ราม 209 อินเตอร์เชนจ์  โครงการที่ทยอยโอนกรรมสิทธิ์อย่างต่อเนื่องทั้งในกรุงเทพฯ และเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เช่น พาร์ค ออริจิ้น พญาไท นอตติ้ง ฮิลล์ ระยอง ในโครงการออริจิ้น สมาร์ท ซิตี้ ระยอง

ขณะเดียวกัน ยอดขายในไตรมาส 1/2565 ซึ่งอยู่ที่ 8,149 ล้านบาท ที่เติบโตจากช่วงเดียวกันของปี 2564 ราว 6% และเติบโตจากไตรมาสก่อนหน้าถึง 11% ก็มีส่วนสำคัญในการผลักดันยอดโอนกรรมสิทธิ์โครงการพร้อมอยู่ด้วย 

ทั้งนี้ จากผลการดำเนินงานที่ยังคงรักษาเสถียรภาพได้อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้กลุ่มทุนทั้งไทยและต่างชาติยังคงให้ความสนใจในการพัฒนาโครงการร่วมทุน บบริษัทอย่างต่อเนื่อง โดยไตรมาส 1/2565 ที่ผ่านมานี้ มีโครงการร่วมทุนเพิ่มขึ้นถึง 5 โครงการ 

โดยมี4 โครงการที่ร่วมทุนกับ โนมูระ เรียลเอสเตท ดีเวลล็อปเมนท์ ประกอบด้วย โครงการคอนโดมิเนียม 2 โครงการ คือ โซ ออริจิ้น พหลโยธิน 69  และออริจิ้น ปลั๊ก แอนด์ เพลย์ ศรีนครินทร์  โครงการบ้านจัดสรร 2 โครงการ คือ โครงการบริทาเนีย ทาวน์ บางนา กม.17 และบริทาเนีย โฮม บางนา กม.17  และ อีก 1 โครงการ ที่เป็นการร่วมทุนที่ได้พันธมิตรใหม่ (Partner) อย่าง บริษัท โลฟิส (ไทยแลนด์) จำกัด คือ โครงการแกรนด์บริทาเนีย คูคต สเตชั่น ซึ่งนับเป็นก้าวแรกของบริทาเนียในการร่วมทุน พัฒนาโครงการกับพาร์ทเนอร์

สำหรับไตรมาส 2/2565 นั้น โครงการคอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี พาร์ค ออริจิ้น ทองหล่อ มูลค่าโครงการกว่า 12,000 ล้านบาท จะเริ่มทยอยโอนกรรมสิทธิ์เป็นครั้งแรก โดยปัจจุบันโครงการดังกล่าวมียอดขายรอรับรู้รายได้ (แบ็คล็อก) ตุนอยู่แล้วกว่า 70% ของมูลค่าโครงการ

ซึ่งน่าจะมีส่วนสำคัญต่อยอดโอนกรรมสิทธิ์และรายได้ตั้งแต่ไตรมาส 2/2565 ขณะเดียวกัน ภาพรวมแบ็คล็อกของบริษัทในปัจจุบัน ทั้งกลุ่มโครงการ JV และ Non-JV มีมูลค่ารวมกว่า 35,800 ล้านบาท คาดว่าจะมีส่วนสำคัญให้ยอดโอนกรรมสิทธิ์ในช่วง 3 ไตรมาสที่เหลือเติบโตอย่างต่อเนื่อง 

ขณะเดียวกัน ฝั่งธุรกิจอื่นๆ ภายใต้แผนการเติบโตแบบพหุจักรวาล (Origin Multiverse) ก็ยังคงเดินหน้าเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยกลุ่มธุรกิจโรงแรมภายใต้บริษัท วัน ออริจิ้น จำกัด ยังคงมองเห็นสัญญาณที่ดีในการเติบโต

โดยไตรมาส 1/2565 นี้ โรงแรม 2 แห่งแรก คือ สเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก ทองหล่อ  และฮอลิเดย์ อินน์ แอนด์ สวีทส์ ศรีราชา แหลมฉบัง  มีอัตราการเข้าพักกว่า 83% และ 58% ตามลำดับ เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ขณะที่ไตรมาส 2/2565 จะมีการรับรู้รายได้เพิ่มเติมจากโรงแรมไอบิส  3 แห่งที่เพิ่งดำเนินการซื้อกิจการเสร็จสิ้น และน่าจะได้รับอานิสงส์เพิ่มเติมจากการผ่อนคลายมาตรการด้านการท่องเที่ยวและเปิดรับชาวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยมากขึ้น จากปัจจัยทั้งหมดจึงคาดว่ารายได้ของบริษัทในปีนี้จะยังคงเป็นไปตามเป้าหมายที่ 17,500 ล้านบาท 

ทั้งนี้ ในช่วงไตรมาส 1/2565 ทริส เรทติ้ง ได้ปรับอันดับเครดิตของบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) จากระดับ BBB แนวโน้ม Positive สู่ระดับ BBB+ แนวโน้ม Stable เนื่องจากบริษัทมีผลประกอบการที่ดีอย่างต่อเนื่อง และสามารถก้าวสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้นในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ได้อย่างต่อเนื่อง ชิงส่วนแบ่งทางการตลาดทั้งในธุรกิจคอนโดมิเนียมและบ้านจัดสรรเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา มีสินค้าครอบคลุมหลากหลายระดับราคาไปจนถึงราคา 50 ล้านบาท มีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุนลดลงจนอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 1 เท่าและยังสามารถสร้างรายได้และยอดขายได้อย่างเติบโต แม้ภายใต้สถานการณ์ COVID-19 ในปี 2564 ที่ผ่านมา