อย.อนุมัติใช้วัคซีนโควิด-19 “โมเดอร์น่า” ในกลุ่มวัยรุ่น 12 – 17 ปี

  • ฉีดวัคซีนจำนวน 2 เข็ม โดยฉีดเข็มที่ 2 ห่างจากเข็มแรก 28 วัน
  • เพื่อเป็นเกราะป้องกันการติดเชื้อโควิด-19
  • ช่วยให้ประเทศกลับคืนสู่ภาวะปกติได้เร็วขึ้นในที่สุด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แซดพี เทอราพิวติกส์ (ZP Therapeutics) หน่วยธุรกิจภายใต้ ซิลลิค ฟาร์มา ผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพชั้นนำในเอเชีย  ได้เผยแพร่ข้อมูลว่า สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้เพิ่มการอนุมัติการใช้วัคซีนโควิด-19 โมเดอร์น่า (Covid-19 Vaccine Moderna) ในกลุ่มวัยรุ่นอายุ 12 – 17 ปี ในประเทศไทย โดยมีรูปแบบการฉีดวัคซีนเช่นเดียวกับการฉีดของกลุ่มผู้ใหญ่ คือ ฉีดวัคซีนจำนวน 2 เข็ม โดยฉีดเข็มที่ 2 ห่างจากเข็มแรก 28 วัน

นางสุนัยนา กิจเกษตรไพศาล ผู้จัดการทั่วไป แซดพี เทอราพิวติกส์  ซิลลิค ฟาร์มา ประเทศไทย กล่าว การอนุมัติการใช้วัคซีนโควิด-19 โมเดอร์น่า สำหรับกลุ่มเด็กวัยรุ่น ถือเป็นการเพิ่มศักยภาพให้แก่วัคซีนโควิด-19 ที่ประเทศไทยสามารถนำไปใช้เพื่อต่อสู้กับสถานการณ์โรคระบาด บริษัทฯ มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาได้อนุมัติการใช้วัคซีนโควิด-19 โมเดอร์น่าสำหรับกลุ่มวัยรุ่น เพื่อจะได้มีเกราะป้องกันต่อเชื้อโคโรน่าไวรัส โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ที่สายพันธุ์เดลตายังคงแพร่ระบาดอย่างหนัก เราร่วมทำงานอย่างเต็มที่ในการสนับสนุนแผนการฉีดวัคซีนของประเทศไทย หากเราสามารถสนับสนุนการฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมประชาชนได้มากเท่าใด ก็จะยิ่งขับเคลื่อนการเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ได้เร็วขึ้นเท่านั้น และยังช่วยให้ประเทศกลับคืนสู่ภาวะปกติได้เร็วขึ้นในที่สุด เรามีความภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของภารกิจที่สำคัญยิ่งครั้งนี้

ทั้งนี้ ในเดือนพฤษภาคม โมเดอร์น่าได้ประกาศผลการศึกษาทางคลินิกระยะที่ 2/3 ของวัคซีนโควิด-19 โมเดอร์น่า ในกลุ่มวัยรุ่น (Phase 2/3 TeenCOVE study) ว่าผลการทดลองได้รับความสำเร็จในการสร้างภูมิคุ้มกัน เทียบเท่ากับการสร้างภูมิคุ้มกันจากวัคซีนในกลุ่มผู้ใหญ่ โดยการฉีดวัคซีนโควิด-19 โมเดอร์น่า จำนวน 2 เข็ม แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพ 100% ในการป้องกันการติดเชื้อแบบแสดงอาการในกลุ่มวัยรุ่นอายุ 12 – 17 ปี และให้ผลในด้านความปลอดภัยและการตอบสนองต่อวัคซีนในระดับเดียวกับผลการศึกษาทางคลินิกระยะที่ 3 ในกลุ่มผู้ใหญ่ (Phase 3 COVE study) โมเดอร์น่ายังคงเก็บข้อมูลด้านความปลอดภัยเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง และยังคงติดตามผลการศึกษาวิจัยจากคณะกรรมการติดตามความปลอดภัยอิสระ โดยข้อมูลเหล่านี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ขึ้นอยู่กับผลการเก็บข้อมูลเพิ่มเติม