นายพลพีร์ สุวรรณฉวี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง (นายอนุทิน ชาญวีรกูล) โพสต์เฟซบุ๊คส่วนตัวระบุว่า
งงมั้ยครับ เมื่อคลังพยายามผลักให้คนออกไปนอกบ้าน ทั้งๆที่มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น จนอยู่ในจุดที่ต้องวิตกกังวล
จากที่เมื่อวานผมได้อ่านข่าวว่ากระทรวงการคลังจะสั่งปรับผู้ประกอบการเดลิเวอร์รี่ที่รับชำระเงินค่าอาหารผ่านสิทธิโครงการ “คนละครึ่ง” โดยให้เหตุผลว่า ไม่สามารถทำได้ เพราะการใช้สิทธิคนละครึ่งนี้ จะต้องเป็นแบบ Face to Face หรือต้องพบหน้ากันเท่านั้น !
อ่านแล้วก็งงสิครับ ในเมื่อประเทศกำลังเผชิญหน้าการระบาดของเชื้อโควิด จนจะต้องปิดเมืองอยู่แล้ว และหมอขอให้ Social Distancing ไปจนถึง Work from home แต่กระทรวงการคลังกลับผลักคนให้ออกไปนอกบ้าน ไปใช้เงิน
เขาจะสั่งอาหารอยู่บ้าน ก็ไม่ให้ ต้องให้ไปเดินตลาด ขึ้นรถเมล์ ไปสุมกองกันอยู่กันอยู่หน้าร้าน
แบบนี้ก็พังสิครับ
ให้คนออกไปรับเชื้อ ให้คนออกไปกระจายเชื้อ
แล้วที่รัฐบาล กระทรวงสาธารณสุข หรือหมอๆ เรียกร้องให้ “หยุดเชื้อเพื่อชาติ” ทำทำไมกัน
ที่ถูกต้องคือ คลังควรจะสนับสนุนให้คนออกจากบ้านน้อยที่สุด เพื่อลดการแพร่เชื้อ
จากข่าวล่าสุด เห็นว่า มีการเสนอเปิดให้บริการแก่กลุ่มเดลิเวอรี่เข้ามาใช้สิทธิได้ ซึ่งกว่าจะพิจารณาผ่าน ต้องใช้เวลาอีกสักระยะ แต่ระหว่างนั้น ก็ Face to Face ใช้สิทธิ์กันไปก่อน
ฟังแล้วแทบเป็นลม เรื่องแบบนี้จำเป็นต้องให้มีคนทำเรื่องเข้ามาก่อนหรอครับ ผมว่าจากข่าวตัวเลขที่ศบค. ประกาศผู้ติดเชื้อทุกวัน น่าจะเพียงพอให้คลังตัดสินใจแล้วว่าควรจะทำอย่างไร
ผมอยากขอให้กระทรวงการคลังลองคิดทบทวนมาตรการเรื่องการสิทธิ์ “คนละครึ่ง” ใหม่ ตอนนี้ต้องเลิกคิดแบบเดิม ต้องคิดแบบใหม่ ให้มันทันกับสถานการณ์ รีบพิจารณาหยุดเชื้อเพื่อชาติ เปิดให้คนละครึ่งใช้กับแพลตฟอร์มสั่งอาหารได้ ใช้กับกลุ้มเดลิเวอร์รี่ได้
ตอนนี้ทุกฝ่ายต้องคิดไปในทางเดียวกัน ไม่ใช่ว่าหมอบอกให้ระวัง แต่คลังให้ออกมาใช้ตังค์นอกบ้าน
ดังนั้น
“อย่าจ่ายเงินจ้างคนให้ออกจากบ้าน ให้เป็นภาระกับระบบสาธารณสุข” เลยครับ
อย่างน้อยสงสารหมอเถอะครับ และก็อย่าลืมว่าวันนี้เราต้องช่วยหมอ ช่วยกันลดการออกจากบ้าน ช่วยธุรกิจ กิจการตั้งแต่เล็กไปจนถึงใหญ่ ให้ทุกภาคส่วนอยู่รอด โดยที่ทุกคนไม่เสี่ยงการติดเชื้อสามารถอยู่รอดผ่าน “วิกฤติ” ไปให้ได้นะครับ
