“อนุทิน” ย้ำ ไม่ปลดโควิด-19 พ้น UCEP แต่ปรับวิธีจัดการ เพื่อรักษาระบบสาธารณสุขไทย

17 กุมภาพันธ์ 2565 ที่อาคารศูนย์การแพทย์บางรัก กรมควบคุมโรค กรุงเทพมหานคร นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยคณะผู้บริหารกระทรวง ได้เดินทางมาเปิดอาคาร 18 ชั้น ซึ่งให้การดูแลผู้ป่วยโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โรคที่เกี่ยวข้องกับการทำงาน และโรคผิวหนังด้วย ไปจนถึงเป็นจุดบริการวัคซีน ซึ่งอาคารแห่งนี้ จะช่วยยกพัฒนางานด้านสาธารณสุข อำนวยความสะดวกแก่ประชาชน ระหว่างตรวจเยี่ยม นายอนุทิน ได้ตอบคำถามผู้สื่อข่าวถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 19 ระบุว่า

ปัจจุบันนี้ ระบบการเฝ้ารัง ให้ความสำคัญกับทุกสายพันธุ์อยู่แล้ว ส่วนการระบาดตอนนี้ ขอให้ยึดหลัก Universal Prevention ตัวเลขที่เพิ่มขึ้น ส่วนใหญ่ ยังเป็นกรุงเทพมหานคร และเป็นการติดเชื้อในครอบครัว ได้รับเชื้อโอมิครอน ที่มีความรุนแรงน้อยกว่าเชื้อตัวก่อน การฉีดวัคซีน ช่วยบรรเทาสถานการณ์ได้ ปัจจุบันนี้ เร่งให้บริการเข็มบูสเตอร์ ส่วนผู้สูงอายุ ที่ยังไม่เข้ารับบริการ ขอให้ลูกหลานพามาฉีด โดยด่วน ปัจจุบัน เด็กนักเรียน กำลังทยอยได้รับวัคซีน เราต้องการฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมทุกช่วงวัย จากข้อมูล ผู้ติดเชื้อกว่า 85% ไม่แสดงอาการ

ขณะที่ผู้เสียชีวิต กว่า 90% คือ ผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีน และเป็นผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงสูง ดังนั้น วัคซีน จึงมีความสำคัญมาก ในการควบคุมโรค วัคซีนที่นำมาบริการพี่น้องประชาชน ล้วนผ่านการตรวจสอบ รับรอง เรื่องประสิทธิภาพ และความปอดภัยแล้ว ไทยมีวัคซีนให้บริการในทุกตระกูล ถ้าไม่ดี ก็ไม่มีทางที่ อย.จะอนุมัติขึ้นทะเบียน เรื่องวัคซีนขอให้ฟังกระทรวงสาธารณสุข เพราะ เราพิจารณา จากข้อมูล ของ อาจารย์แพทย์ มีคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญ ดูแล เราอ้างอิงวิชาการ ก่อนตัดสินใจ

เมื่อถามถึงความกังวลจากข่าวว่าจะมีการปลดโควิด-19 ออกจากสิทธิ์บริการ UCEP (Universal Coverage for Emergency Patients ; UCEP) หรือ การให้ผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตสามารถเข้ารับการรักษาโรงพยาบาลที่ไหนก็ได้ใกล้บ้าน

นายอนุทิน ตอบว่า เราไม่ได้ยกเลิก หรือให้โควิด -19 ออกจาก UCEP แต่เป็นการปรับปรุง จัดระบบ ปรับวิธีการให้สัมพันธ์กับโรค ให้สัมพันธ์กับอาการของผู้ป่วย

สิ่งที่จำเป็นต้องทำ คือการถอดโควิด19ออกจากการเป็นโรคฉุกเฉิน เราอยู่กับโรคมา 2 ปีกว่า ประเทศไทย ไม่ได้มีผู้ป่วยโควิด-19 อ ย่างเดียว แต่เรามีผู้ป่วยโรคอื่นด้วย ที่ต้องใช้บริการทางการแพทย์ฉุกเฉินเหมือนกัน ถ้าบอกว่าป่วยโควิด-19 มา สามารถแซงคิวโรคอื่นได้ แบบนี้ ระบบสาธารณสุขรวน ต้องทำความเข้าใจกันว่า ถ้าป่วยโควิด-19 แล้วมีอาการรุนแรง ให้เข้ารักษาที่ไหนก็ได้เหมือนเดิม

“ไม่ได้เป็นการยกเลิกUCEPเป็นอันขาด เพราะถ้ามีอาการฉุกเฉินตามที่กำหนดไว้ เช่น หายใจไม่ได้ เหนื่อยหอบ ไอรุนแรงที่มีการกำหนดไว้ ยังเข้ารับการรักษาที่ไหนก็ได้เหมือนเดิม ให้การดูแลเหมือนเดิม และได้มีการกำหนดเป็น UCEP PLUS ในการดูแลด้วย ส่วนผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการหรือสีเขียว ให้รักษาแบบกักตัวอยู่บ้าน Home Isolation เพื่อให้มีเตียงสำหรับผู้ป่วยหนัก เราต้องบริหารทรัพยากร เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ”