“อนุทิน” ตอกเสาเข็ม เขตวัฒนา ดัน “กรณิศ” สุดลิ่ม-พร้อมทวงคืนพื้นที่ลานกีฬาแสงทิพย์ กลับคืนประชาชน เพื่อใช้ประโยชน์สาธารณะ



นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร นายสรอรรถ กลิ่นประทุม ประธานที่ปรึกษาพรรคภูมิใจไทย, นายศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนพรรค ส.ส.บัญชีรายชื่อ, น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี ส.ส.บัญชีรายชื่อ, นางสาวอนุสรี ทับสุวรรณ อดีตเลขานุการผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ลงพื้นที่เขตวัฒนา รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชน และร่วมเวทีปราศรัย เปิดตัวนางกรณิศ งามสุคนธ์รัตนา ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. เขต 4 กรุงเทพฯ (เขตคลองเตย และวัฒนา) โดยมีประชาชนเข้าร่วมจำนวนมาก และบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก นอกจากนี้ยังได้รับหนังสือร้องเรียนเกี่ยวกับการเช่าลานกีฬาแสงทิพย์ ใต้ทางด่วนพระโขนง พื้นที่ของการทางพิเศษฯ (กทพ.)

สำหรับบนเวทีปราศรัย นายอนุทิน ได้นำเสนอนโยบายของพรรคภูมิใจไทย ประกอบไปด้วย นโยบาย กยศ. เป็นนโยบายการศึกษา ต่อไปนี้ลูกหลานไม่มีคำว่ากู้มาศึกษาอีกต่อไป จะใช้คำว่ายืมเท่านั้น เพราะคำว่ายืมไม่มีดอกเบี้ย และไม่มีคนค้ำประกัน ทั้งนี้ กยศ. ห้ามฟ้องลูกหลานที่ยังไม่สามารถชำระหนี้ได้ ต้องรอให้ลูกหลานมีโอกาสมีงานทำแล้วนำเงินภาษีของเขามาคืนทดแทนการที่เขาไปยืมเพื่อการศึกษา, โครงการโซล่าเซลล์ หลังคา Solar Roof พลังงานแสงอาทิตย์ หลังคาโซล่าเซลล์ฟรีเป็นการติดตั้งหลังคาโซล่าเซลล์ทุกหลังคาเรือน ลดค่าใช้จ่ายในส่วนของค่าไฟฟ้าเฉลี่ยหลังคาเรือนละ 450 บาทต่อเดือน, มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าผ่อนเดือนละ 100 บาท 60 งวด สนับสนุนการใช้พลังงานสะอาด

นโยบายตั๋ว One Day Pass การกำหนดค่าโดยสารสาธารณะ รถ เรือ เริ่มต้น 15 บาท ตลอดวัน ไม่เกิน 50 บาท ส่วนรถไฟฟ้า เริ่ม 15 บาท ตลอดสายไม่เกิน 40 บาท, นโยบายพักหนี้ 3 ปีหยุด ต้นปลอดดอกเบี้ยคนละไม่เกิน 1 ล้านบาท

การตั้งศูนย์ฟอกไตฟรี โดยจะมีการจัดตั้งศูนย์ฟอกไต 1 เขต 1 ศูนย์ ให้บริการประชาชนลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้ป่วยและญาติ, ศูนย์ฉายรังสีมะเร็งฟรี เป็นการจัดตั้งศูนย์ ฉายรังสีรักษาโรคมะเร็งฟรี 1 จังหวัด 1 ศูนย์ ให้ผู้ป่วยเข้าถึงการรักษาได้ง่ายขึ้น

และการเพิ่มค่าตอบแทน อสส.กรุงเทพฯ สนับสนุนคนอาสา เดือนละ 2,000 บาท เจ็บป่วยมีประกันดูแล การหารายได้เพิ่มได้ 3 กะ เปิดพื้นที่ใหม่ๆ ส่งเสริมการท่องเที่ยว ไปจนถึงการให้กรุงเทพฯ เป็นเขตสุขภาพที่ 13 เพื่ออำนวยความสะดวกในด้านการรักษาพยาบาล

ล่าสุด คือ สำหรับผู้สูงวัยที่มีอายุ 60 ปีบริบูรณ์ จะได้รับสิทธิเป็นสมาชิกกองทุนประกันชีวิต และมีกรมธรรม์ประกันชีวิตทันที โดยไม่ต้องสมัคร และไม่ต้องจ่ายค่าเบี้ยประกันชีวิต โดยกองทุนประกันชีวิต 60 ปีขึ้นไป มีวัตถุประสงค์สำคัญ 2 ประการ คือ 1.ในวันที่อยู่ ผู้สูงวัย ไม่เป็นภาระของลูกหลาน มีสิทธิกู้เงินดูแลตัวเอง และประกอบอาชีพ หาเลี้ยงตัวเองได้ ในวงเงิน 20,000 บาท โดยไม่ต้องมีผู้ค้ำประกัน แต่จะใช้กรมธรรม์ประกันชีวิต ที่รัฐบาลจัดทำให้ค้ำประกันตัวเอง 2.ในวันที่จากไป ผู้สูงวัย ไม่สร้างภาระให้ลูกหลาน ทุกคนจะมีมรดกให้ลูกหลาน ทายาท และครอบครัว รายละ 100,000 บาท

นอกจากนี้ นายอนุทิน กล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า ในวันพรุ่งนี้ (3 มีนาคม) จะให้นางกรณิศ เดินทางไปยังกระทรวงคมนาคม พบกับนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เพื่อยื่นหนังสือทวงพื้นที่คืนให้กับพี่น้องประชาชน เพื่อประโยชน์สาธารณะที่มีความหมายต่อประเทศ และความมั่นคงเท่านั้น

“ เอาไปทำที่จอดรถไม่ได้ เอาไปสร้างสุขภาพให้พี่น้องประชาชนได้แล้วจะแถมพื้นที่ให้อีกด้วย ”