“อนุทิน”ลุยเองลงสุวรรณภูมิตรวจด่าน คุมโรคป้องไวรัสปริศนาจากเมืองจีน

ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จ.สมุทรปราการ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา , นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และคณะ ตรวจเยี่ยมความพร้อมด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ เยี่ยมชมขั้นตอนการดำเนินงานคัดกรองผู้เดินทางจากพื้นที่เสี่ยงโรคปอดอักเสบ หลังพบผู้ป่วยโรคดังกล่าวจากเชื้อไวรัสที่ยังไม่ทราบที่มาในประเทศจีน

โดย นายอนุทิน กล่าวว่า เรื่องที่เกิดขึ้น ได้มอบให้กรมควบคุมโรค เฝ้าระวัง คัดกรองผู้เดินทางจากพื้นที่เสี่ยง ทั้งด่านบก ด่านเรือและด่านอากาศ หากพบผู้มีอาการเข้าข่ายสงสัย ให้ส่งเข้าระบบควบคุมป้องกันโรคทันที ขอให้ประชาชนอย่าได้ตื่นตระหนก เพราะประเทศไทยมีระบบเฝ้าระวัง คัดกรอง ควบคุมโรคที่ประสิทธิภาพ หากมีรายงานผู้ป่วยที่สงสัย จะทำการแยกกัก โดยมีการเตรียมความพร้อมทางห้องปฏิบัติการ และทีมสอบสวนโรคติดต่ออันตรายทั้งในส่วนกลางและทุกจังหวัดทั่วประเทศ

“ด่านควบคุมโรค ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้ติดตั้งเครื่องวัดไข้อัตโนมัติระบบอินฟราเรด (Infrared Thermo Scan) 4 จุด พร้อมเจ้าหน้าที่ทำงาน 24 ชั่วโมง ผู้โดยสารทุกคนจะต้องผ่านการตรวจคัดกรองด้วยเครื่องตรวจอุณหภูมิอัตโนมัติ หากพบมีไข้จะแยกผู้โดยสารตรงประตูทางเข้า ให้สวมหน้ากากอนามัย และพาไปตรวจซ้ำที่ห้องรอส่งต่อ หากพบว่ามีไข้ และมีประวัติมาจากพื้นที่เสี่ยงจะโทรแจ้งกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ให้ส่งรถพยาบาลมารับไปยังโรงพยาบาลที่มีห้องแยกโรคมาตรฐาน ทั้งหมดนี้เป็นขั้นตอนปกติที่สนามบินดำเนินการ โดยจะไม่ปะปนกับผู้โดยสารอื่น” นายอนุทิน กล่าว

นายอนุทิน กล่าวต่อว่า สำหรับผู้ป่วยจากพื้นที่เสี่ยง จะมีการแยกประตูทางเข้าเฉพาะ หากพบความผิดปกติ จะจัดการทันที โดยที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มีเที่ยวบินจากพื้นที่เสี่ยงวันละ 3 เที่ยว ผู้โดยสารวันละประมาณ 500 คนต่อวัน  นอกจากนี้ ยังมีท่าอากาศยานที่รับผู้โดยสารจากพื้นที่เสี่ยงคือท่าอากาศยานดอนเมือง เชียงใหม่ ภูเก็ต ซึ่งจะดำเนินมาตรการอย่างเข้มงวด อย่างไรก็ตาม จนถึงปัจจุบัน ยังไม่พบผู้ป่วยในประเทศไทย แต่หากผู้โดยสารพบบุคคลที่มีอาการผิดปกติ ให้แจ้งเจ้าหน้าที่เพื่อดูแลสถานการณ์ ส่วนผู้โดยสารที่มาจากพื้นที่เสี่ยง อาทิ เมืองอู่ฮั่น ภาครัฐได้มอบเอกสารการปฏิบัติตัวไว้ศึกษาแล้ว

“ประเทศไทยเคยเจอเหตุการณ์ทำนองนี้มาก่อนทั้งจากโรคซาร์ส โรคเมอร์ ไข้หวัดนก และสามารถจัดการได้ไม่มีปัญหา ขอให้ประชาชนมั่นใจในระบบสาธารณสุขของไทย อยากวิงวอนการนำเสนอของทุกภาคส่วนให้สื่อสารตามข้อเท็จจริง อย่าสร้างความตื่นตระหนกกับประชาชน เพราะจะเป็นการทำลายบรรยากาศด้านการท่องเที่ยว เรากำลังเข้าสู่ช่วงตรุษจีน และสงกรานต์ การสื่อสารที่สร้างความหวาดกลัว จะกระทบกับภาพรวมการท่องเที่ยวทั้งหมด” นายอนุทิน กล่าว