“อนุทิน”ย้ำไทยไม่มี Super Spreader วอนทุกภาคส่วนร่วมมือคุม Covid-19

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข แถลงถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคปอดอักเสบอันเกิดจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ Covid-19 ระบุว่า สิ่งแรกที่ต้องแจ้งคือประเทศไทยอยู่ในภาวะการระบาดระดับ 2 ยังไม่พบการระบาดในประเทศ หรือการระบาดจากคนที่ไม่เคยไป หรือมีความสัมพันธุ์ใกล้ชิดกับพื้นที่ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดโรค แต่ที่คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ยกโรคนี้ให้เป็นโรคติดต่ออันตราย เพราะเราเตีรยมความพร้อมแบบนำสถานการณ์ ภายใน 2-3 นับจากนี้ จะมีการออกกฎหมายมารองรับการทำงานของเจ้าหน้าที่ ขั้นตอนได้แก่การเขียนร่างกฎหมาย ให้รัฐมนตรีฯลงนาม และประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษา

อย่างไรก็ตามในระหว่างนี้ ต้องขอให้ทุกภาคส่วนให้ความร่วมมือในการควบคุมโรค เพื่อให้เราอยู่ในระยะ 2 ได้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ถ้ามันเข้าระยะ 3 ทางกระทรวงสาธารณสุขได้เตรียมความพร้อมไว้แล้ว ที่ผ่านมาเราได้ข้อความร่วมมือกับหน่วยงานราชการ ให้หลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังประเทศกลุ่มเสี่ยง กระทรวงสาธารณสุขเองก็เช่นกัน เพราะต้องระดมคน และไม่ต้องการเพิ่มความเสี่ยงของการระบาด

ส่วนประชาชนที่ต้องการจะเดินทางไปยังประเทศกลุ่มเสี่ยง ให้ชั่งใจว่า ท่านสมควรจะเดินทางหรือไม่ ขอให้คิดถึงส่วนรวมเป็นสำคัญ ขณะที่สายการบินที่จัดโปรฯ ราคาถูกไปยังประเทศกลุ่มเสี่ยง ท่านก็ต้องคิดถึงให้ไกลกว่าเรื่องกำไรขาดทุน เพราะถ้าเกิดเหตุขึ้นมา จะกระทบกับคนไทยจำนวนมหาศาล เช่นเดียวกับบริษัททัวร์ ที่จัดโปรฯไฟไหม้ ขอให้คิดมากๆ ว่าสิ่งที่ตามมา สังคมไทยคือคนที่ได้รับผลกระทบทั้งหมด ถึงเวลาที่คนไทยต้องเที่ยวไทย อย่างไรก็ขอให้คำนึงถึงตัวเอง และส่วนรวมเป็นหลัก

นายอนุทิน กล่าวต่อว่า ล่าสุดพบผู้ติดเชื้อที่เลี่ยงการให้ข้อมูลเรื่องการเดินทาง กว่าจะยอมรับ ต้องใช้เวลาพอสมควร สิ่งที่ตามมาคือ ได้ทำให้เกิดผู้ติดเชื้อใหม่อีก 2 คน ซึ่งเป็นคนในครอบครัว คือภรรยา และหลาน ขณะที่คนใกล้ชิด และทีมแพทย์พยาบาลอีกกว่า 50 ชีวิต ต้องเข้าสู่กระบวนการคัดกรอง กลายเป็นงานหนักของแพทย์ พยาบาล ทั้งที่เรื่องเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้น หากให้ข้อมูลตั้งแต่แรก ตอนนี้ เรานำผู้ติดเชื้อเข้าสู่กระบวนการคุมโรคแล้ว ผู้ติดเชื้อรายนี้ ไม่ใช่ Super Spreader แต่ได้ทำลายขวัญและกำลังใจคนทำงานไม่น้อย เพราะเราตั้งใจควบคุมโรค และหวังว่าประชาชนจะให้ความร่วมมือ ทุกคนเหนื่อยมาก ขอฝากให้ประชาชนทุกคนช่วยกันสอดส่องดูแล และปฏิบัติตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข วันนี้ เราอยู่ในระยะของการขอความร่วมมือ แต่ถ้ายังมีเหตุการณ์เช่นนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีก เราต้องใช้กฎหมายบังคับ

“สำหรับการชุมนุมที่จะเกิดขึ้น ทางกระทรวงสาธารณสุข มีแนวทางให้ทีมแพทย์ พยาบาล เข้าไปตรวจโรค บริการหน้ากากอนามัย และเจลล้างมือ แต่ทางที่ดี ทางผู้จัดต้องเตรียมไปเองด้วย แบบนี้ ถึงจะเรียกว่ารักกันจริง”

ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์ว่า ล่าสุด พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 3 ราย มาจากครอบครัวเดียวกัน รายที่ 1 เป็นชายไทยอายุ 65 ปี เดินทางไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่น เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเอกชน เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2563 ด้วยอาการ ไข้ ไอ ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการเป็นบวก ส่งตัวรักษาต่อสถาบันโรคทรวงอก ผู้ติดเชื้อรายนี้ เป็นคนเดียวกับที่เป็นข่าวเลี่ยงการแจ้งการเดินทาง

รายที่ 2 เป็นหญิงไทยอายุ 62 ปี (เป็นภรรยา ติดเชื้อมาจากประเทศญี่ปุ่น) และรายที่ 3 เด็กชายไทยอายุ 8 ปี (เป็นหลาน) ซึ่งเป็นผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยรายที่ 1 รักษาที่สถาบันบำราศนราดูร โดยขณะนี้ติดตามผู้สัมผัสใกล้ชิดที่มีความเสี่ยงสูงได้ทุกราย ส่วนผู้ร่วมเดินทางอยู่ระหว่างการติดตามตัวมาตรวจรักษา

นอกจากนั้น ในวันเดียวกัน แพทย์ได้อนุญาตให้ผู้ติดเชื้อ ซึ่งรักษาหาย กลับบ้านได้เพิ่มอีก 2 ราย เป็นหญิงไทยอายุ 35 ปี จากสถาบันบำราศนราดูร และชายจีนอายุ 62 ปี จากสถาบันโรคทรวงอก ซึ่งทั้ง 2 รายเป็นผู้สัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยยืนยัน