“อนุทิน”นำคณะลงพื้นที่กระบี่-พังงา ติดตามการกระจายวัคซีนโควิดใน พื้นที่ท่องเที่ยว รองรับการเปิดเมืองฟื้นฟูเศรษฐกิจ

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ระหว่างวันที่ 7 – 8 ต.ค.2564 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข และนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมคณะ มีกำหนดเดินทางไปตรวจเยี่ยมการฉีดวัคซีนในพื้นที่เป้าหมาย เพื่อเปิดเมืองฟื้นฟูเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว ที่ จ.กระบี่ และ จ.พังงา

ทั้งนี้ การลงพื้นที่ครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของการติดตามการดำเนินงานตามแผนของรัฐบาล ที่ทยอยเปิดพื้นที่ของจังหวัดต่างๆ เพื่อรับนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติ ตามแนวทางที่ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 กำหนดเป็น 3 ระยะ เริ่มตั้งแต่เดือน ต.ค.2564 เป็นต้นไป ภายใต้เงื่อนไขว่า 70% ของประชาชนในพื้นที่ที่จะเปิดรับนักท่องเที่ยวจะต้องได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ครบโดส ขณะที่กลุ่ม 608 ต้องได้รับวัคซีนอย่างน้อย 80%

สำหรับภารกิจของรองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข พร้อมคณะนั้น วันที่ 7 ต.ค.2564 ที่ จ.กระบี่ จะมีการตรวจความคืบหน้าการก่อสร้างท่าอากาศยานกระบี่ จากนั้นจะมีการมอบวัคซีนป้องกันโควิด-19 มีประชุมร่วมกับส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดูแลการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 รวมถึงหน่วยที่เกี่ยวข้องกับการฟื้นฟูเศรษฐกิจภาคการท่องเที่ยว

โดยในการประชุมจะได้รับทราบจากรายงานของกรมทางหลวงชนบทถึงความคืบหน้าการก่อสร้างสะพานข้ามเกาะลันตา หัวหิน-คลองหมาก และนายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่ จะรายงานความคืบหน้าความพร้อมการเปิดรับนักท่องเที่ยวตามนโยบายของส่วนกลาง ซึ่งหลังการประชุมให้นโยบายกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว รองนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ จะเดินทางตรวจเยี่ยมโรงพยาบาลสนาม ร.15 พัน 1 อ.คลองท่อม จ.กระบี่ เพื่อให้กำลังใจบุคลาการทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขผู้ปฏิบัติงานดูแลผู้ป่วยโควิด-19 ต่อไป

ส่วนภารกิจวันที่ 8 ต.ค.2564 ที่ จ.พังงา รองนายกรัฐมนตรี และคณะ จะมีการมอบวัคซีนแก่ จ.พังงา และตรวจเยี่ยมโรงพยาบาลสนาม ณ ศูนย์ศึกษาวิจัย ศิลปกรรม วัฒนธรรมและประเพณีแห่งอันดามัน และบริเวณท่าเทียบเรือองค์การบริหารส่วนจังหวัดพังงา บ้านท่าด่าน ต.เกาะปันหยี อ.เมืองพังงา และตรวจท่าเทียบเรือเกาะคอเขา บ้านน้ำเค็ม ต.บางม่วง อ.ตะกั่วป่า ก่อนจะเดินทางกลับกรุงเทพฯ

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า การเตรียมความพร้อมเพื่อเปิดพื้นที่ต่างๆ รับนักท่องเที่ยว รัฐบาลดำเนินการทั้งความพร้อมเชิงพื้นที่ ที่ประชาชนต้องได้รับวัคซีนตามเกณฑ์ที่กำหนด การมีแผนเผชิญเหตุ และพัฒนาเมือง และความพร้อมเชิงนโยบายโดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับการอำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยว ซึ่งล่าสุดที่ประชุม ศบศ.ก็ได้อนุมัติแนวทางการปลดล็อกอุปสรรคการท่องเที่ยว 8 ประการ (Ease of Traveling) เช่น การลดการกักตัวเหลือ 7 วัน การตรวจ RT-PCR ก่อนมาและเมื่อถึงสนามบิน หลังจากนั้นให้ตรวจแบบ ATK การให้ออกหนังสือรับรองการเดินทางเข้าประเทศออนไลน์แบบหมู่คณะ (Group COE) การอนุญาตเที่ยวบินพาณิชย์ของรัสเซียให้สามารถเดินทางเข้าสู่ภูเก็ต การลดค่าใช้จ่ายในการตรวจ RT-PCR แนวทางการการออก Visa On Arrival (VOA) และหนังสือเดินทางเข้าประเทศออนไลน์ หรือ COE Online การมีเอกสารรับรองการฉีดวัคซีน (Vaccine Passport) เป็นต้น