“อนุทิน”ขอบคุณประเทศอาเซียน พร้อมใจให้ไทยเป็นศูนย์กลาง ACPHEED

  • รับมือกับภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุข
  • ร่วมทั้งโรคอุบัติใหม่
  • เปิดสำนักงานฯ เดือนส.ค.65

วันที่ 15 พฤษภาคม 2565 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า จากการประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุขอาเซียน ครั้งที่ 15 (15th ASEAN Health Ministers Meeting) ที่ประเทศอินโดนีเซีย ประเทศสมาชิกอาเซียนได้สนับสนุนให้ประเทศไทย เป็นที่ตั้งของสำนักงานเลขาธิการของศูนย์อาเซียนด้านการรับมือกับภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขและโรคอุบัติใหม่ หรือ ASEAN Centre for Public Health Emergencies and Emerging Diseases: ACPHEED ซึ่งจะเปิดสำนักงานฯ ในเดือน ส.ค.65

“ต้องขอบคุณทุกฝ่าย ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชนและประชาชนคนไทยที่ร่วมมือกันแสดงให้อาเซียนและทั่วโลกเห็นว่าประเทศไทยมีศักยภาพในการรับมือกับภาวะฉุกเฉิน และโรคอุบัติใหม่ ไม่ใช่เรื่องที่ง่าย เพราะกว่า 2 ปีที่เราได้ร่วมเจรจากับประเทศสมาชิกอาเซียน คู่แข่งเราอย่างประเทศอินโดนีเซีย กระทั่ง เราพิสูจน์ให้เห็นว่าเราทำได้ โดยมีมติจากที่ประชุมอย่างป็นเอกฉันท์” นายอนุทินกล่าว

นายอนุทินกล่าวต่อว่า สำคัญคือที่ประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุขอาเซียนได้สั่งการให้ข้าราชการประจำระดับสูง (Senior Official Meeting on Health Development, SOMHD) จัดทำข้อตกลงการจัดตั้งศูนย์ (Established Agreement) ให้เริ่มการประชุมครั้งแรกในช่วงต้นเดือน ก.ค. และให้แล้วเสร็จภายในเดือน ก.ย. โดยตนได้เชิญ รมต.สธ.ของประเทศสมาชิกอาเซียนเข้าร่วมพิธีเปิดสำนักงานเลขาธิการประสานงานของศูนย์อาเซียนด้านการรับมือกับภัยสาธารณสุขฉุกเฉินและโรคอุบัติใหม่ (ACPHEED Secretariat Office) ที่จะจัดตั้งขึ้นในประเทศไทย พร้อมร่วมหารือกับประเทศสมาชิกอาเซียนประเด็นความร่วมมือทางด้านสาธารณสุขที่สำคัญอื่นๆ อาทิ การป้องกันควบคุมโรคและภัยสุขภาพ การค้นหาแหล่งระบาด การรับมือกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 การดำเนินการเรื่องการจัดสรรวัคซีน และการดำเนินการเรื่องการยอมรับร่วมกันของใบรับรองการฉีดวัคซีนโควิดระหว่างประเทศสมาชิก ซึ่งจะช่วยเร่งการฟื้นฟูภูมิภาคให้กลับมาสู่สถานการณ์ปกติได้รวดเร็วยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ ACPHEED มีภารกิจสำคัญในการเสริมสร้างขีดสมรรถนะของภูมิภาคอาเซียนในการเตรียมความพร้อม การป้องกัน ตรวจจับ และตอบโต้ต่อภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขและโรคอุบัติใหม่ ในสถานะที่เป็นศูนย์ความเป็นเลิศและเป็นศูนย์รวมทรัพยากรบุคคลของภูมิภาค ประเทศไทยได้เสนอตัวเป็นประเทศที่ตั้งศูนย์ โดยมีประเทศอินโดนีเซียและเวียดนามเป็นคู่แข่ง มีการหารือกันมานานกว่า 2 ปี ซึ่งหลังจากมีการหารือ 3 ฝ่าย (Trilateral meeting) ระหว่างรัฐมนตรีสาธารณสุขไทย อินโดนีเซียและเวียดนาม ได้เห็นชอบให้ทั้ง 3 ประเทศเป็นที่ตั้งศูนย์ตามภารกิจหลักของ ACPHEED โดยมีสำนักงานเลขาธิการของ ACPHEED อยู่ในประเทศไทย นับเป็นความสำเร็จที่สำคัญของอาเซียน รวมถึงทีมสาธารณสุขไทยโดยการนำของนายอนุทิน ที่สามารถผลักดันให้ประเทศไทยมีบทบาทนำในการจัดตั้ง ACPHEED ได้สำเร็จในระหว่างเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุขอาเซียน ครั้งที่ 15 และการประชุมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

นอกจากนี้นายอนุทิน ได้กล่าวชื่นชม ความร่วมแรงร่วมใจจากภาคประชาชน และทุกภาคส่วน ที่เข้ามาช่วยกันควบคุมโรค นอกจากนั้น ระบบหลักประกันสุขภาพของไทย ก็เข้มแข็งมาก เพราะมีการพัฒนามาตลอด ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ซึ่งการพัฒนาระบบสุขภาพของไทย มาจากการเรียนรู้ความสำเร็จของนานาชาติเช่นกัน

ปัจจุบันระบบหลักประกันสุขภาพ ดูแลคนไทยครอบคลุมประชากรแล้ว รวมไปถึงแรงงานนับ 10 ล้านคน โดยให้ความสำคัญไปถึงการดูแลสุขภาพแก่ชาวต่างชาติที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย แรงงานต่างชาติ สามารถเข้าถึงระบบสุขภาพของไทย เช่นนี้เอง จึงทำให้ระบบสุขภาพในประเทศ สามารถเข้าไปจัดการกับปัญหาโควิด-19 ได้อย่างดี