อดีตหัวหน้า ศรภ. ชี้เหตุ “ก้าวไกล” ทำอะไรเสมือนจะก้าวไป สะดุดไป ลั่นงานนี้ไม่ต้องโทษใคร

  • ชี้ส่วนใหญ่คะแนนเสียงที่ก้าวไกลได้ มาจากนโยบายที่ให้ประโยชน์แก่คนทุกกลุ่ม
  • เผยนโยบายโดนใจเกือบทั้งหมด ทางพรรคน่าจะรู้ว่าในความเป็นจริงมันไม่น่าจะทำได้จริง
  • เอ่ย .112 นั้นมียึดโยงอยู่กับกฎหมายอื่นๆ อีกหลายฉบับ เช่นการคุ้มครองประมุขต่างประเทศ

วันนี้ (29 ..66) พล..นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ(ศรภ.) ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก : พลโท นันทเดช เมฆสวัสดิ์ ในหัวข้อ “ทำไมต้อง TOPNEWS และ สนธิ” โดยมีเนื้อหาดังนี้

ส่วนใหญ่ของคะแนนเสียงที่พรรคก้าวไกล ได้มานั้น ผมเชื่อว่ามาจากนโยบายที่ให้ประโยชน์แก่คนทุกกลุ่ม อย่างชัดเจน (แรงงาน 450 บาทผู้สูงอายุ 3,000 บาทหนุ่มสาวที่กำลังจะมีลูก หรือมีลูกแล้ว เด็กทุกคนที่เกิดมาจะได้รับ1,200 บาทไปจนอายุ 6 ปีหนุ่มๆ เลิกเกณฑ์ทหาร เรียนฟรี อาหารฟรีเปลี่ยน สปกเป็นโฉนดทันทีรับซื้อหนี้จากเกษตร ฯลฯ)

แต่นโยบายเหล่านี้เกือบทั้งหมด ทางพรรคน่าจะรู้ว่า ในความเป็นจริงแล้ว “มันไม่น่าจะทำได้จริง” แต่ก็ยังนำมาหาเสียง

เช่นเดียวกับการหาเสียงเรื่อง .112 ก็พูดกับชาวบ้านว่า แค่แก้ไขเท่านั้น” ทั้งๆ ที่ต้องการทำมากกว่านั้น ไม่รู้จริงๆหรือแกล้งไม่รู้ว่า แค่การแก้ไข ก็เป็นไปได้ยากมากแล้ว

เนื่องจาก .112 นั้น ยึดโยงอยู่กับที่กฎหมาย อื่นๆ อีกหลายฉบับ เช่น

การคุ้มครองประมุขต่างประเทศ หรือผู้ที่ได้รับเอกสิทธิ์ทางการทูต ที่ถือว่าเป็นตัวแทน “ประมุข” ของต่างประเทศ ฯลฯดังนั้น อย่าว่าแต่ยกเลิกเลย เอาแค่การแก้ไขในสาระสำคัญของ .112 ก็แทบเป็นไปไม่ได้แล้ว แต่ก็ยังเอามาใช้เป็นเครื่องมือหาเสียงทางการเมืองอีก

(กรณีนี้ กกต.ก็ควรติติงไว้ก่อน เพราะ “การนำสถาบันพระมหากษัตริย์มาเกี่ยวข้องกับการหาเสียง” นั้น ก็อยู่ในข้อห้ามของ กกต.เองอย่างชัดเจน)

วิธีการหาเสียงแบบนี้ของก้าวไกล ได้เริ่มถูกเปิดเผยให้ประชาชนรับรู้มากขึ้นๆ ตามลำดับ ทั้งที่สามารถกล่าวได้ว่าพรรคก้าวไกล มีอิทธิพลเหนือสื่อเกือบทุกชนิด และยังมีคนตะวันตกคอยช่วยเหลืออีก แต่ก็ยังหยุดกระแสนี้ไม่ได้ เพราะมีสื่อที่กล้าพูดความจริงอยู่ 2 แห่ง คือ TOP NEWS และ คุณสนธิ ลิ้มทองกุล จึงเกิดการออกมารุมทึ้ง สื่อ 2 แหล่งนี้ขึ้นซึ่งก็ยิ่งทำให้คนดู และรับฟังสื่อทั้ง 2 แหล่งนี้เพิ่มมากขึ้นมาเรื่อยๆ ครับ

ทำให้หนทางของ พรรคก้าวไกล ดูเสมือนจะก้าวไป สะดุดไป และอาจหยุดลงไปได้ง่ายๆ ซึ่งก็ล้วนมาแต่เรื่องที่ “ทำไว้เอง” ทั้งสิ้น

ไม่ต้องไปโทษใครหรอกครับ