“อคส.”เปิดแผนหารายได้ปี 65-67 ล้างขาดทุนซ้ำซาก

.ตั้งเป้าเป็น “คลังสินค้า” เพื่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจ

.ดัน “คลังราษฏร์บูรณะ” เป็นคลังห้องเย็นใหญ่สุดในกทม.

.โกยรายได้ไม่ต่ำกว่าปีละ 400 ล้านบาทล้างขาดทุนได้แน่

นายเกรียงศักดิ์ ประทีปวิศรุต ผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า (อคส.) เปิดเผยว่า อคส.ได้วางแผนการดำเนินงานในปี 65-67 โดยมีวิสัยทัศน์ ที่จะให้อคส. เป็น  “คลังสินค้า” เพื่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจ เพราะปัจจุบัน อคส.มีคลังสินค้าหลายแห่ง ในทำเลที่มีศักยภาพ อย่างคลังสินค้าราษฎร์บูรณะและคลังธนบุรี ซึ่งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา แต่ยังเปิดใช้งานได้ไม่เต็มศักยภาพ จึงตั้งเป้าหมายจะผลักดันให้คลังราษฎร์บูรณะ เป็นคลังสินค้าห้องเย็นที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพฯ ภายในปี 67 และจะเปิดให้เอกชนได้เช่าเก็บสินค้า และใช้บริการท่าเทียบเรือ ซึ่งจะสร้างรายได้ให้ อคส. ได้ไม่ต่ำกว่าปีละ 400 ล้านบาท และพ้นสภาพขาดทุนซ้ำซาก  

ทั้งนี้ อคส.ได้เริ่มปรับปรุงคลังราษฎร์บูรณะ เพื่อทำเป็นคลังห้องเย็นมาตั้งแต่ปี 64 เช่น ปรับปรุงท่าเทียบเรือมาตรฐานสำหรับเป็นท่าเรือเดินสมุทร รองรับเรือสินค้าขนาดใหญ่ที่จะมาใช้บริการเทียบท่า ซึ่งที่ผ่านมา มีบริษัทต่างๆ มาใช้บริการท่าเทียบเรือเพิ่มขึ้นมาก โดยเฉพาะเรือสินค้าอาหารทะเลที่นำเข้าจากต่างประเทศ ส่วนคลังห้องเย็น ที่ผ่านมา มีผู้ประกอบการหลายรายเช่าเก็บสินค้าประเภทยา เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น สำหรับแผนงานในปี 65 จะขยายสาขาคลังสินค้า และห้องเย็นในต่างจังหวัดมากขึ้น  

“การปรับปรุงศักยภาพคลังสินค้าของอคส.ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด จะรองรับสินค้าเกษตร และสัตว์น้ำด้วย ซึ่งจะพัฒนาให้ทันสมัย มีเครื่องคัดขนาดสินค้าเกษตรและสัตว์น้ำให้ด้วย เพื่อลดปัญหาการพึ่งพาแรงงานคน ปัญหาสุขอนามัย รวมถึงการแพร่เชื้อของโรคระบาด” 

นอกจากนี้ อคส.จะเร่งขยายช่องทางจำหน่ายสินค้าเกษตร พัฒนาผลิตภัณฑ์ และเพิ่มปริมาณสินค้าที่ซื้อจากเกษตรกรโดยตรง เพื่อยกระดับรายได้ให้เกษตรกร  ขณะเดียวกัน ยังเตรียมสร้างเครือข่ายกับชาวสวนและผู้ค้าลำไยจันทบุรี เพื่อหาลู่ทางส่งออก และสร้างเครือข่ายการค้ากับจีน เพราะหลายปีที่ผ่านมา ราคาลำไยตกต่ำมาก โดยจะประสานงานกับทูตพาณิชย์ของไทยในจีนด้วย  

“มั่นใจว่า แผนงานทั้งหมดจะทำให้อคส.มีรายได้ และกำไรเพิ่มขึ้น จากปีนี้ ที่อคส.ประมาณการขาดทุนไม่ต่ำกว่า 350 ล้านบาท เพราะมีหนี้สงสัยจะสูญร่วม 200 ล้านบาท จากการขายสินค้าบางอย่าง ที่รักษาการผู้อำนวยการอคส.คนก่อนได้ดำเนินการไว้”