อคส.เปิดประมูลข้าวรัฐล็อตสุดท้าย 2 แสนตัน

.คาดเปิดขายได้พ.ค.-มิ.ย.นี้ตั้งเป้าปิดจ็อบ ก.ย.65

.ลั่นข้าวเสื่อมสภาพขายให้โรงงานเอทานอลเท่านั้น

.พร้อมวางแผนคุมเข้มหวั่นเวียนเข้าสู่ตลาดคนกิน

พ.ต.อ.สุรพงศ์ เปล่งขำ รักษาการรองผู้อำนวยการ องค์การคลังสินค้า (อคส.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ อคส.อยู่ระหว่างการกำหนดเงื่อนไข หลักเกณฑ์ (ทีโออาร์) การเปิดประมูลข้าวสารในสต๊อกรัฐบาลล็อตสุดท้ายในส่วนที่อยู่ในความดูแลของ อคส. หลังจากที่คณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธาน เมื่อวันที่ 27 เม.ย.ที่ผ่านมา มีมติเห็นชอบให้อคส.เปิดระบาย รวมทั้งสิ้นกว่า 200,000 ตัน คาดว่า จะเริ่มเปิดประมูลได้อย่างช้าปลายเดือนพ.ค. หรือต้นเดือนมิ.ย.นี้

สำหรับข้าวที่จะเปิดระบายกว่า 200,000 ตันนั้น แบ่งเป็น 2 ส่วนๆ แรกที่อคส.เสนอขอมตินบข.เมื่อวันที่ 27 เม.ย.ที่ผ่านมา มีกว่า 74,800 ตัน ซึ่งเป็นข้าวที่มีปัญหาจากการที่ผู้ชนะประมูลในช่วงที่ผ่านๆ มาได้ยกเลิกสัญญาซื้อขายกับอคส. ส่วนที่ 2 อีกกว่า 130,000 ตัน เป็นข้าวที่อคส.อยู่ระหว่างดำเนินการเปิดระบาย ทั้งนี้ การระบายอาจกำหนดเป็น 2 ครั้ง โดยครั้งแรกอาจนำข้าวปริมาณ 74,800 ตันมาประมูลก่อน จากนั้นจึงจะนำส่วนที่เหลืออีกกว่า 130,000 มาเปิดประมูล ตั้งเป้าหมายจะประมูลให้เสร็จสิ้นภายในเดือนก.ย.65 ส่วนวิธีการเปิดประมูล จะเป็นการเปิดประมูลเป็นการทั่วไป และเข้าสู่อุตสาหกรรมผลิตเอทานอลเท่านั้น เพราะตามมตินบข.เดิม ได้กำหนดว่า ข้าวสต๊อกรัฐบาลที่เก็บมานานเกินกว่า 5 ปี จะต้องขายเข้าสู่อุตสาหกรรมพลังงานเท่านั้น เพราะเสื่อมสภาพไปมาก

“ตามขั้นตอน หลังจากนบข.อนุมัติให้ขายได้แล้ว อคส.จะตั้งคณะทำงานระบายข้าว เพื่อยกร่างทีโออาร์ กำหนดเงื่อนไข หลักเกณฑ์ และคุณสมบัติผู้เข้าร่วมประมูล และตั้งคณะทำงานรับซอง เปิดซอง และพิจารณาราคา โดยใครเสนอราคาสูงสุด จะเป็นผู้ชนะประมูล รวมถึงจะมีการคุมเข้มการขนส่งข้าวจากต้นทาง คือ คลังสินค้า ไปสู่ปลายทาง คือ บริษัทของผู้ชนะประมูล เพื่อไม่ให้มีการนำข้าวเข้ามาหมุนเวียนในตลาดปกติ”

พ.ต.อ.สุรพงศ์ กล่าวว่า หากสามารถระบายข้าวออกได้หมดแล้ว คงยังไม่สามารถปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าวเปลือกได้ทันที เพราะต้องรอให้ผู้ชนะประมูลรับมอบข้าว แต่ชำระค่าข้าวให้เสร็จสิ้นก่อน จากนั้นจึงจะปิดบัญชีได้ แต่อย่างน้อย การขายข้าวหมดสต๊อก ถือว่า ความเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าวยุติลงแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คาดว่า โครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี และนาปรังฤดูการผลิตปี 54-57 อาจมีผลขาดทุนนับล้านล้านบาท เพราะมีการทุจริตของผู้เกี่ยวข้อง หรือมีเจ้าหน้าที่รัฐบกพร่องในหน้าที่ จนทำให้รัฐเสียหาย และอคส.ส่งฟ้องร้องดำเนินคดีไปแล้วในช่วงที่ผ่านมา รวม 1,143 คดี มูลค่าความเสียหายกว่า 500,000 ล้านบาท อีกทั้งยังมีผลขาดทุน จากในช่วงที่ผ่านมา รัฐได้เปิดประมูลข้าวสารในสต๊อก และขายได้ราคาต่ำกว่าราคารับจำนำอีก ยิ่งข้าวเก่าเก็บ ยิ่งขายได้ราคาต่ำ นอกจากนี้ ยังมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่รัฐต้องจ่ายอีก เช่น ค่าเช่าคลังสินค้าเพื่อฝากเก็บข้าวสารในสต๊อก เป็นต้น