อคส.ลุยสางคดีค้างเก่าจำนำข้าวเปลือก-มันสำปะหลัง

.ส่งเรื่องให้อัยการส่งฟ้องแล้วรวมกันกว่า 1 พันคดี
.เรียกเงินชดเชยความเสียหายกว่า 5 แสนล้านบาท
.เดินหน้ารื้อทุจริตซุกใต้พรมให้สิ้นซากล้างภาพคอรัปชัน

นายเกรียงศักดิ์ ประทีปวิศรุต ผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า (อคส.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการสะสางคดีค้างเก่าของอคส. ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคดีที่เกี่ยวข้องการทุจริตในโครงการรับจำนำสินค้าเกษตรของรัฐบาลในช่วงที่ผ่านมาว่า หลังจากรับตำแหน่งผู้อำนวยการอคส.มาตั้งแต่เดือนก.ย.63 หนึ่งในภาระกิจหลักที่ต้องเร่งดำเนินการคือ การสะสางคดีค้างเก่า ที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตในโครงการรับจำนำสินค้าเกษตรของรัฐบาลที่ผ่านมา โดยส่วนใหญ่จะเป็นโครงการรับจำนำข้าวเปลือก และมันสำปะหลัง ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา ได้ส่งฟ้องร้องดำเนินคดีจำนวนมาก และเรียกค่าเสียหายจากผู้เกี่ยวข้องกว่า 500,000 ล้านบาท

สำหรับโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี และนาปรัง ตั้งแต่ปีการผลิตปี 54-57 ที่ผ่านมา ได้ส่งเรื่องให้อัยการส่งฟ้องร้องดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด เช่น เจ้าของคลังเก็บข้าว ที่อคส.เช่าเพื่อฝากเก็บข้าวในสต๊อกของรัฐบาล, โรงสี, เจ้าหน้าที่ อคส.ที่เกี่ยวข้อง ฯลฯ รวม 1,143 คดี โดยคดีอยู่ในชั้นศาลปกครองกลาง 1,136 คดี และศาลปกครองสูงสุด 4 คดี คิดเป็นมูลค่าความเสียหายกว่า 494,198 ล้านบาท

“คดีที่เกี่ยวข้องกับโครงการรับจำนำข้าว จะมีทั้งกรณีที่โรงสี และโกดังที่อคส.ฝากเก็บข้าวสาร ทำให้ข้าวเสื่อมสภาพไปจากเดิม หรือข้าวสูญหายไปจากสต๊อก ซึ่งมีโอกาสสูงที่อคส.จะชนะคดี แต่จะได้รับเงินชดเชยความเสียหายครบถ้วนหรือไม่ ต้องรอดูต่อไป เพราะเป็นจำนวนเงินที่สูงมาก ซึ่งสุดท้ายแล้ว อาจต้องบังคับคดีให้ผู้กระทำผิดชำระหนี้ หรืออาจต้องยึดทรัพย์”

นอกจากนี้ ยังมีคดีเกี่ยวกับโครงการรับจำนำมันสำปะหลัง ปี 51/52, ปี 54/55 และปี 56/57 ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นกรณีมันเสื่อมสภาพ หรือสูญหาย อีกรวมกว่า 200 คดี อยู่ในชั้นศาลปกครองกลาง 161 คดี มูลค่าความเสียหาย 18,723 ล้านบาท โดยคดีถึงที่สุดแล้ว 14 คดี ศาลพิพากษาให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายให้กับ อคส. 4,883 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างการเร่งรัดให้ชดใช้ความเสียหาย ขณะเดียวกัน จะเดินหน้ารื้อเรื่องทุจริตเก่าๆ ที่ผู้บริหาร อคส.ในช่วงที่ผ่านมาได้สั่งให้ยุติเรื่อง และไม่ส่งอัยการฟ้องร้องผู้กระทำผิด ซึ่งคิดเป็นมูลค่าความเสียหายจำนวนมาก บางกรณีทำให้ อคส.เสียหายถึง 4,000 ล้านบาท โดยจะดำเนินการทุกอย่างอย่างถูกต้อง โปร่งใส และเป็นธรรม

ส่วนการทุจริตการจัดซื้อถุงมือยาง 500 ล้านกล่อง มูลค่า 112,500 ล้านบาทนั้น ล่าสุด คณะกรรมการป้องกันและปราบปราบการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้ทยอยเรียกผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมด มารับทราบข้อกล่าวหา และแก้ข้อกล่าวหาแล้ว แต่ผู้ถูกกล่าวหาบางราย ได้ขอเลื่อนการรับทราบข้อกล่าวหาหลายครั้ง แต่คาดว่า ป.ป.ช.จะสรุปสำนวนและส่งอัยการฟ้องร้องดำเนินคดีอาญาได้ในเร็วๆ นี้

โดยหลังจากป.ป.ช.ส่งฟ้องดำเนินคดีอาญาแล้ว จากนั้นสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) จะดำเนินการให้ผู้กระทำผิดชดใช้ค่าเสียหายให้อคส.ขณะเดียวกัน คณะกรรมการพิจารณาความรับผิดทางละเมิด กำลังสืบสวนข้อเท็จจริง และพิจารณาความเสียหายที่เกิดขึ้นกับอคส. เพื่อให้ผู้เกี่ยวข้องชดใช้ให้อคส. ซึ่งความเสียหายเบื้องต้นอยู่ที่ 2,000 ล้านบาท ยังไม่รวมค่าดอกเบี้ย และค่าเสียโอกาสทางธุรกิจ ส่วนโทษทางวินัยเจ้าหน้าที่อคส.ที่เกี่ยวข้อง อยู่ระหว่างการพิจารณา