อคส.ร้องป.ป.ช.เอาผิดขบวนการซื้อถุงมือยางแสนล้าน

.เหตุใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบเข้าข่ายกระทำการทุจริต

.เอื้อประโยชน์ให้เอกชนเพียงรายเดียว-ไม่เปิดประมูลซื้อ

.ไม่ตรวจสอบความน่าเชื่อถือ-ฐานะการเงินโรงงานถุงมือยาง

ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ว่า เมื่อวันที่ 23ก.ย.63 เวลาประมาณ 15.30 น. นายเกรียงศักดิ์ ประทีปวิศรุต ผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า (อคส.) ได้เดินทางไปสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อยื่นเรื่องร้องเรียนต่อป.ป.ช. ถึงการใช้อำนาจหน้าที่ในทางทุจริตของพ.ต.อ.รุ่งโรจน์ พุทธิยาวัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารกลาง อคส. อดีตรักษาราชการแทน ผู้อำนวยการ อคส. กับพวก โดยมีนายสุทธิ บุญมี ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ ป.ป.ช.เป็นผู้รับเรื่องร้องเรียนดังกล่าว

ทั้งนี้ ในหนังสือร้องเรียน ระบุว่า พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ ได้จัดซื้อ และทำสัญญาซื้อขายถุงมือยาง (ไนไตร) กับบริษัท การ์เดียนโกลฟส์ จำกัด มีมูลค่าการซื้อขายสูงถึง 112,500 ล้านบาท โดยในการจัดซื้อครั้งนี้ ไม่ได้ดำเนินการให้เป็นไปตามพ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐพ.ศ.2560 รวมถึงกฎ ข้อบังคับและระเบียบที่เกี่ยวข้อง โดยมีพฤติกรรมในการกระทำที่รีบเร่ง ประกอบกับ ได้ร่วมสมคบกับบริษัทปกปิดข้อเท็จจริงเรื่องสถานะของบริษัท ที่เพิ่งจดทะเบียนเมื่อวันที่ 2 มิ.ย.63 ก่อนวันทำสัญญาไม่นาน และไม่มีการตรวจสอบคุณสมบัติความมั่นคง และความสามารถทางการเงินของบริษัทแต่อย่างใด

นอกจากนี้ ยังไม่นำเรื่องเสนอต่อคณะกรรมการ (บอร์ด) อคส.พิจารณา แต่กลับใช้อำนาจรักษาการผู้อำนวยการอคส. สั่งการให้ดำเนินการตามสัญญา และได้สั่งจ่ายเงินให้กับบริษัทไปแล้วเมื่อวันที่ 2 ก.ย.63 รวม 2,000 ล้านบาท ภายหลังการทำสัญญาซื้อขายเมื่อวันที่ 31 ส.ค.63 โดยนำฝากเข้าบัญชีธนาคารในชื่อของบริษัท การ์เดียนโกลฟส์ จำกัด ซึ่งการกระทำดังกล่าว เป็นการใช้อำนาจหน้าที่โดยทุจริตในหน้าที่ราชการ ทำให้อคส.เสียหาย

ดังนั้น อคส.จึงมีหนังสือร้องเรียนมายังป.ป.ช. เพื่อร้องเรียนและกล่าวหาพ.ต.อ.รุ่งโรจน์ กับพวกว่าได้กระทำความผิดต่อหน้าที่ราชการ ในการใช้อำนาจหน้าที่โดยทุจริต เพื่อให้ป.ป.ช.พิจารณาดำเนินคดีตามกฎหมายจนถึงที่สุดต่อไป ทั้งนี้ อคส.ได้แจ้งสำนักงานการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่อให้ตรวจสอบเส้นทางการเงิน และอายัดบัญชีเงินฝากธนาคาร และได้กล่าวทุกข์ร้องโทษต่อพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ไว้แล้วชั้นหนึ่ง

ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า ผู้บริหารอคส.มองว่า กรณีดังกล่าวถือเป็นกระทำที่เข้าข่ายทุจริต และใช้อำนาจในทางไม่ชอบ เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับเอกชนเพียงรายเดียว เพราะในการจัดซื้อถุงมือยาง 500 ล้านกล่องๆ ละ 225 บาท รวมมูลค่า 112,500 ล้านบาทนั้น ไม่มีการออกหลักเกณฑ์ เงื่อนไข (ทีโออาร์) การประมูล ไม่มีการตั้งคณะกรรมการจัดซื้อจัดจ้าง ตามพ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างฯ แต่กลับซื้อจากโรงงานผลิตเพียงรายเดียว อีกทั้งไม่มีการตรวจสอบความน่าเชื่อของบริษัท การ์เดียน ทั้งๆ ที่ผู้บริหาร เคยต้องคดีฉ้อโกงมาก่อน นอกจากนี้ สัญญาซื้อขายไม่รัดกุม บริษัทไม่ต้องวางหลักประกันสัญญา แต่กลับให้มีสิทธิ์ได้รับเงินมัดจำสินค้าจากอคส. 2,000 ล้านบาท รวมถึงไม่เสนอให้บอร์ดพิจารณาอนุมัติเงิน ทั้งๆ ที่ตามระเบียบอคส.ระบุว่า ผู้อำนวยการ สามารถอนุมัติงบประมาณได้ไม่เกิน 25 ล้านบาท ถ้า 25-50 ล้านบาท ต้องเสนอให้ประธานบอร์ดอนุมัติ และเกิน 50 ล้านบาท ต้องเสนอให้บอร์ดอนุมัติ แต่กรณีนี้อนุมัติเงินอคส.สูงถึง 2,000 ล้านบาท กลับไม่เสนอให้บอร์ดอนุมัติ