หุ้นสหรัฐยังกังวลปัจจัยลบดาวโจนส์ดิ่งต่อเป็น วันที่ 3 ปิดติดลบ 98.41 จุด

  • นักลงทุนกังวล “สงครามการค้า”ประทุอีกครั้ง
  • ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังแสดงอาการอ่อนแอ
  • เจ้าหน้าที่เฟดบางรายไม่เห็นด้วยลดดอกเบี้ย

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์วันที่ 2 ส.ค.ยังคงผันผวน โดยดีดกลับขึ้นมปิดตลาดที่ 26,485.01 จุด ลดลง 98.41 จุด หรือ -0.37% หลังจากระหวางวันดิ่งลงกว่า 200 จุด ขณะที่ ดัชนีเอสแอนพี 500 ปิดที่ 2,932.05 จุด ลดลง 21.51 จุด หรือ -0.73% ส่วน ดัชนีแรสแก็ส คอมโพซิท ใกล้หลุด 8,000 จุด ปิดที่ 8,004.07 จุด ลดลง 107.05 จุด หรือ -1.32%

นักลงทุนวิตกเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐขู่เก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนอีก 10% วงเงิน 3 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.นี้ นักลงทุนยังผิดหวังกับการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่ต่ำกว่าคาด และเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แสดงความไม่เห็นด้วยกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดสัปดาห์นี้

นายเอริค โรเซนเกรน ประธานเฟดสาขาบอสตัน ระบุว่า เขาไม่เห็นความจำเป็นที่ชัดเจนสำหรับการผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติมในเวลานี้ เนื่องจากอัตราการว่างงานของสหรัฐอยู่ใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 50 ปี เงินเฟ้อมีแนวโน้มปรับตัวขึ้น และเสถียรภาพทางการเงินเพิ่มขึ้นเมื่อพิจารณาจากราคาหุ้นที่อยู่ใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และจากหนี้สินของภาคธุรกิจ

หุ้น 8 ใน 11 กลุ่มของดัชนี S&P 500 ปิดลดลง โดยหุ้นกลุ่มพลังงานนำตลาดร่วงลง 1.2% และหุ้นส่วนใหญ่ร่วงลงมากขึ้นในช่วงใกล้ปิดตลาด โดยหุ้นซิสโก ซิสเทมส์ร่วง 3.86% แต่หุ้นพินเทอเรสต์ปรับตัวขึ้นสวนทางตลาด โดยพุ่งขึ้น 18.52% หลังรายงานรายได้สูงเกินคาดในไตรมาส 2

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยออกมา พบว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 164,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. แต่ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 165,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราการว่างงานยังคงอยู่ที่ระดับ 3.7% อย่างไรก็ตาม คำสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนมิ.ย. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.8% หลังจากดิ่งลง 1.3% ในเดือนพ.ค.

ขณะที่มหาวิทยาลัยมิชิแกนเปิดเผยผลสำรวจระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวขึ้นแตะระดับ 98.4 ในเดือนก.ค. แต่ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 98.5 จากระดับ 98.2 ในเดือนมิ.ย.